นักวิจัยจาก Osaka Metropolitan University Graduate School of Science ได้ใช้ AI เพื่อระบุและทำแผนที่บริเวณการก่อตัวของดาวฤกษ์ในกาแล็กซีทางช้างเผือก พวกเขาใช้ AI เพื่อประเมินระยะทาง ขนาด และมวลของเมฆโมเลกุลประมาณ 140,000 ในกาแลคซีที่ทำให้เกิดการก่อตัวของดาวฤกษ์ การศึกษาได้รับการตีพิมพ์ในสิ่งพิมพ์ของสมาคมดาราศาสตร์แห่งประเทศญี่ปุ่น งานวิจัยของทีมได้จัดทำแผนที่การกระจายของทางช้างเผือกอย่างละเอียด ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการศึกษาการก่อตัวของดาวต่างๆ ผลลัพธ์ที่ได้มีศักยภาพในการจัดทำแผนที่การกระจายที่สมบูรณ์ของทางช้างเผือกทั้งหมดโดยขยายการสังเกตการณ์ด้วยกล้อง Nobeyama ขนาด 45 เมตร
Researchers from Osaka Metropolitan University Graduate School of Science have used AI to identify and map areas of star formation in the Milky Way galaxy. They utilized AI to estimate the distance, size, and mass of about 140,000 molecular clouds in the galaxy that enabled star formation. The study was published in the Publications of the Astronomical Society of Japan. The team’s research provides a detailed distribution map of the Milky Way that can be useful in various star formation studies. The results have the potential to provide a complete distribution map of the entire Milky Way by expanding observations with the Nobeyama 45-m radio telescope.
Galactic plane การก่อตัวของดาวถูกกำหนดโดยปัญญาประดิษฐ์
นักวิจัยจาก Osaka Metropolitan University Graduate School of Science ได้ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อระบุพื้นที่การก่อตัวของดาวฤกษ์
ทีมวิจัยที่นำโดย Dr. Shinji Fujita จาก Osaka Metropolitan University Graduate School of Science ได้ระบุกลุ่มเมฆโมเลกุล (Molecular Cloud) ประมาณ 140,000 กลุ่ม ในกาแล็กซีทางช้างเผือก ซึ่งเป็นพื้นที่กำเนิดดาวฤกษ์
ทีมใช้ AI เพื่อประมาณระยะห่างของเมฆโมเลกุล (Molecular Cloud) แต่ละก้อน แล้วประมวลผลร่วมกับขนาด และมวลของมัน ก็จะสามารถทำแผนที่การกระจายของมันได้อย่างแม่นยำ หากต้องการศึกษาเพิ่มเติมในรายละเอียด ดูได้จากงานวิจัย ‘การหาระยะทางของ Molecular Cloud ใน 1st quadrant ของ Galactic plane โดยใช้ Deep Learning: I. Method and Results’ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารของสมาคมดาราศาสตร์แห่งประเทศญี่ปุ่น https://arxiv.org/abs/2212.06238
ดาวฤกษ์เกิดขึ้นได้อย่างไร?
ดาวฤกษ์เป็นองค์ประกอบพื้นฐานของกาแลคซี เนื่องจากอายุ การกระจาย และการมีส่วนร่วมของพวกมันมีความสำคัญต่อการติดตามประวัติศาสตร์และวิวัฒนาการของกาแลคซี พวกมันก่อตัวขึ้นภายในเมฆฝุ่นที่มีอยู่ในกาแลคซีส่วนใหญ่ เมื่อก๊าซโมเลกุลและฝุ่นรวมตัวกันในอวกาศ การก่อตัวของดาวฤกษ์จึงเกิดขึ้น
ก๊าซโมเลกุลที่มีอยู่ในระหว่างการก่อตัวของดาวนั้นไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตามนุษย์ เนื่องจากพวกมันเจือจางและเย็นมาก อย่างไรก็ตามคลื่นวิทยุจาง ๆ นั้นถูกปล่อยออกมาทำให้สามารถสังเกตได้ด้วยกล้องโทรทรรศน์
เป็นการยากที่จะตรวจสอบเมฆโมเลกุล (Molecular Cloud)
เป็นการยากที่จะระบุระยะทางและคุณสมบัติทางกายภาพของเมฆโมเลกุล (Molecular Cloud) เช่นขนาดและมวล เนื่องจากการสังเกตเมฆเหล่านี้จากโลกหมายความว่ามีสสารจำนวนมากซ้อนทับกัน
แม้ว่าทางช้างเผือกจะเป็นกาแล็กซีเดียวที่อยู่ใกล้พอที่จะสังเกตการณ์เมฆโมเลกุล (Molecular Cloud)ในเอกภพได้อย่างละเอียด แต่ก่อนหน้านี้นักดาราศาสตร์พบว่าเป็นการยากที่จะตรวจสอบคุณสมบัติทางกายภาพของเมฆโมเลกุล (Molecular Cloud)ในลักษณะที่เหนียวแน่นจากการสังเกตการณ์ขนาดใหญ่
การวิจัยของทีมช่วยให้สังเกตการก่อตัวของดาวได้อย่างใกล้ชิด
เพื่อแก้ปัญหานี้ ทีมงานใช้ AI เพื่อระบุเมฆโมเลกุล (Molecular Cloud)ประมาณ 140,000 เมฆในทางช้างเผือกจากข้อมูลขนาดใหญ่ของโมเลกุลคาร์บอนมอนอกไซด์ ซึ่งสังเกตได้อย่างละเอียดด้วยกล้องโทรทรรศน์ Nobeyama ขนาด 45-m
นักวิจัยประสบความสำเร็จในการแมปการกระจายของพวกมัน ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ส่วนแรกของ Galactic plane ด้วยวิธีการที่ละเอียดที่สุดจนถึงปัจจุบัน
ผลลัพธ์ที่ได้มีศักยภาพในการจัดทำแผนที่การกระจายของทางช้างเผือกอย่างสมบูรณ์
“ผลที่ได้ไม่เพียงแต่ทำให้เห็นกาแลคซีจากมุมสูงเท่านั้น แต่ยังช่วยในการศึกษาการก่อตัวของดาวต่างๆอีกด้วย” ดร. ฟูจิตะอธิบาย
“ในอนาคต เราต้องการขยายขอบเขตการสังเกตการณ์ด้วยกล้องโทรทรรศน์โนเบยามะ ขนาด 45 ม. และรวมข้อมูลการสังเกตการณ์ด้วยกล้องโทรทรรศน์ที่ตั้งอยู่ฝั่งท้องฟ้าในซีกโลกใต้ ซึ่งไม่สามารถสังเกตได้จากญี่ปุ่น เพื่อให้ได้แผนที่การกระจายที่สมบูรณ์ของ ทางช้างเผือกทั้งหมด”