ย่านอิเล็กทรอนิกส์ Huaqiangbei 华强北 (หัว เฉียง เป่ย) ที่มีชื่อเสียงในเมืองเซินเจิ้นทางตอนใต้ของจีนเป็นแหล่งซื้อขายที่รู้จักกันดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งตึก SEG Plaza ซึ่ง 10 ชั้นแรกเต็มไปด้วยร้านขายของทุกอย่างตั้งแต่ชิ้นส่วนกล้องไปจนถึงโดรน ลูกค้าต้องสอบถามหาชิปจากคนขายเอาเอง เพราะไม่ได้มีโฆษณาอย่างเปิดเผย
Visiting the famed Huaqiangbei electronics area in the southern Chinese city of Shenzhen is a good bet – in particular, the SEG Plaza skyscraper whose first 10 floors are crammed with shops selling everything from camera parts to drones. The chips are not advertised but asking discreetly works
ผู้คนเดินเข้าออกตึก SEG E-Market ที่ตลาดอิเล็กทรอนิกส์ หัว เฉียง เป่ย ในเซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน 8 มิถุนายน 2566 REUTERS / David Kirton
เจาะลึกตลาดใต้ดินของจีน แหล่งซื้อขายชิป Nvidia AI ระดับไฮเอนด์
ฮ่องกง/เซินเจิ้น จีน 20 มิ.ย. (รอยเตอร์) – จุ๊จุ๊! ผู้ซื้อชาวจีนสามารถซื้อชิป AI ระดับไฮเอนด์ของ Nvidia ที่มีมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ได้ที่ไหน
ย่านอิเล็กทรอนิกส์ Huaqiangbei 华强北 (หัว เฉียง เป่ย) ที่มีชื่อเสียงในเมืองเซินเจิ้นทางตอนใต้ของจีนเป็นแหล่งซื้อขายที่รู้จักกันดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งตึก SEG Plaza ซึ่ง 10 ชั้นแรกเต็มไปด้วยร้านขายของทุกอย่างตั้งแต่ชิ้นส่วนกล้องไปจนถึงโดรน ลูกค้าต้องสอบถามหาชิปจากคนขายเอาเอง เพราะไม่ได้มีโฆษณาอย่างเปิดเผย
ผู้คนยืนอยู่นอก SEG E-Market ที่ตลาดอิเล็กทรอนิกส์ หัว เฉียง เป่ย ในเซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน 8 มิถุนายน 2566 REUTERS / David Kirton
มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ทำให้ราคาชิปถีบตัวสูงขึ้น ผู้ขายสองรายที่นั่น ซึ่งพูดคุยกับรอยเตอร์ด้วยตนเองโดยไม่เปิดเผยชื่อ กล่าวว่าพวกเขาสามารถจัดหาชิปปัญญาประดิษฐ์ A100 จำนวนหนึ่ง ที่ผลิตโดยผู้ออกแบบชิปของสหรัฐฯ ได้ที่ราคา 20,000 ดอลลาร์ต่อชิ้น ซึ่งเป็นราคาสองเท่าของราคาปกติ
แม้ว่าการซื้อหรือขายชิประดับไฮเอนด์ของสหรัฐฯ จะไม่ผิดกฎหมายในจีน แต่การจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ ได้สร้างตลาดใต้ดินขึ้นโดยพฤตินัย โดยผู้ขายไม่ต้องการให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากทางการสหรัฐฯ หรือจีน
ในเดือนกันยายน ทีมงานของประธานาธิบดี Joe Biden สั่งให้ Nvidia หยุดส่งออกชิประดับไฮเอนด์สองตัว ได้แก่ A100 และ H100 ที่พัฒนาขึ้นล่าสุดไปยังจีนแผ่นดินใหญ่และฮ่องกง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามขัดขวาง AI ของจีน และการพัฒนาซูเปอร์คอมพิวเตอร์ท่ามกลางความตึงเครียดทางการเมืองและการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้น จากนั้นจึงตามมาด้วยการควบคุมการส่งออกที่เกี่ยวข้องกับเซมิคอนดักเตอร์
แต่ในขณะที่ AI เฟื่องฟูไปทั่วโลก หลังจากความสำเร็จของ ChatGPT ของ OpenAI ความต้องการชิประดับไฮเอนด์ก็พุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับไมโครโปรเซสเซอร์ของ Nvidia ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าดีที่สุดในการจัดการงานการเรียนรู้ของเครื่อง
“เรากำลังพูดคุยกับผู้ค้าสองรายเพื่อขอซื้อ” Ivan Lau ผู้ร่วมก่อตั้ง Pantheon Lab ในฮ่องกงกล่าว ซึ่งกำลังพยายามซื้อการ์ด A100 ใหม่ 2-4 ใบ เพื่อใช้งานโมเดล AI ล่าสุดของสตาร์ทอัพ
ผู้ขายเหล่านั้น ซึ่งซื้อชิปนอกสหรัฐฯ ในราคา 150,000 ดอลลาร์ฮ่องกง (19,150 ดอลลาร์) ต่อการ์ด เขากล่าว พร้อมเสริมว่า “พวกเขาแจ้งเราตรงๆ ว่าจะไม่มีการรับประกันหรือการบริการหลังการขายใดๆ”
รอยเตอร์ได้พูดคุยกับผู้ขาย 10 ราย ในฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งอธิบายว่าสามารถจัดหา Nvidia A100 ได้ในจำนวนหนึ่ง พวกเขาเน้นว่ามีความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในจีนสำหรับชิป และพอจะหาสินค้า หลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ได้ ถ้าปริมาณไม่มากเกินไป
Reuters ไม่สามารถประเมินปริมาณโดยรวมของชิป Nvidia A100 และ H100 ที่ไหลเข้าสู่ประเทศจีน หรือหาตัวเลขยืนยันความต้องการว่ามีมากน้อยเพียงใด
ผู้ซื้อมักเป็นนักพัฒนาแอพ สตาร์ทอัพ นักวิจัย หรือเกมเมอร์ ผู้จำหน่ายกล่าว โดยปฏิเสธที่จะระบุตัวตน เนื่องจากการนำเข้าฝ่าฝืนข้อจำกัดทางการค้าของสหรัฐฯ ผู้ค้ารายหนึ่งกล่าวว่าผู้ซื้อยังรวมถึงหน่วยงานท้องถิ่นของจีนด้วย
Nvidia กล่าวในแถลงการณ์ต่อรอยเตอร์ว่า ไม่อนุญาตให้ส่งออก A100 หรือ H100 ไปยังประเทศจีน แต่จัดหาสิ่งทดแทนที่มีขีดความสามารถลดลงซึ่งเป็นไปตามกฎหมายของสหรัฐฯ
“หากเราได้รับข้อมูลว่าลูกค้าละเมิดข้อตกลงที่ทำไว้กับเราและส่งออกผลิตภัณฑ์ที่ถูกจำกัดโดยละเมิดกฎหมาย เราจะดำเนินการโดยทันที อย่างเหมาะสม” แถลงการณ์ระบุ
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ สำนักงานข้อมูลสภาแห่งรัฐของจีน และกระทรวงอุตสาหกรรมของจีนไม่ขอแสดงความคิดเห็นในประเด็นนี้
Nvidia กล่าวในเดือนกันยายนว่ายอดขาย 400 ล้านดอลลาร์ ในช่วงไตรมาสที่สาม อาจหายไปหากบริษัทจีนตัดสินใจไม่ซื้อผลิตภัณฑ์ทางเลือกของ Nvidia
A800 และ H800 รุ่นใหม่ที่ปรับแต่งโดยจีนซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อรองรับมาตรการของสหรัฐนั้น มียอดสั่งซื้อโดย บริษัท เทคโนโลยีขนาดใหญ่ของจีนเช่น Tencent Holdings และ Alibaba ซึ่งมีงบประมาณ และมีความต้องการซื้อในปริมาณมาก
สมาร์ทโฟนที่มีโลโก้ NVIDIA แสดงอยู่บนเมนบอร์ดคอมพิวเตอร์ในภาพประกอบนี้ถ่ายเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2023 REUTERS/Dado Ruvic/ภาพประกอบ
ช่องทางซื้อขายผ่านออนไลน์
ผู้ขายชาวจีนกล่าวว่า วิธีหลักในการจัดหาชิปมีสองวิธี: ตัดยอดสต็อกส่วนเกินจากบริษัทของสหรัฐเอง ที่ Nvidia จัดส่งสินค้าให้ในจำนวนมาก หรือนำเข้าผ่านบริษัทที่จัดตั้งขึ้นในประเทศต่างๆ เช่น อินเดีย ไต้หวัน และสิงคโปร์
ซึ่งหมายความว่าปริมาณที่สามารถจัดหาสินค้าได้ โดยไม่ผิดสังเกตนั้น มีปริมาณน้อย ไม่เพียงพอต่อความจำเป็นในการสร้างโมเดลภาษาขนาดใหญ่ของ AI ที่ซับซ้อนตั้งแต่เริ่มต้น
โมเดลที่คล้ายกับ GPT ของ OpenAI จะต้องใช้การ์ด Nvidia A100 มากกว่า 30,000 ใบ ตามรายงานของบริษัทวิจัย TrendForce แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเรียกใช้งานการเรียนรู้ของเครื่องที่ซับซ้อนและปรับปรุงโมเดล AI ที่มีอยู่ได้
ตามเว็บไซต์จัดซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มีผู้ขาย A100 ประมาณ 40 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่อิเล็กทรอนิกส์ หัว เฉียง เป่ย โดยสามารถค้นหารายชื่อผู้ขาย A100 ได้จากเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ Taobao ของ Alibaba บน Xiaohongshu ซึ่งคล้ายกับ Instagram เช่นเดียวกับ Douyin ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นภาษาจีนของ TikTok
ByteDance เจ้าของ Alibaba, Xiaohongshu และ Douyin ไม่ขอแสดงความคิดเห็นในประเด็นนี้
ผู้ขายบางรายเตือนว่า การปลอมแปลงเป็นเรื่องที่พบได้ปกติ มีการปรับแต่งชิปรุ่นอื่น หลอกขายว่าเป็น A100
ชิป H100 ที่ล้ำหน้ากว่าของ Nvidia ซึ่งเพิ่งวางตลาดตั้งแต่เดือนมีนาคม จะหาสินค้าได้ยากกว่ามาก
Vinci Chow อาจารย์ประจำสาขาเศรษฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยจีนแห่งฮ่องกง ซึ่งภาควิชาได้จัดซื้อการ์ด A100 สี่ใบจากผู้ขายในท้องถิ่น เพื่อวัตถุประสงค์ในการวิจัย กล่าวว่า เขาได้รับแจ้งว่ามีชิป H100 จำนวน 8 แพ็คพร้อมจำหน่าย แต่มีเพียงหนึ่งใน 10 ผู้จำหน่าย ที่รอยเตอร์พูดด้วยกล่าวว่าพวกเขาสามารถจัดหา H100 ได้
สหรัฐฯ ไม่น่าจะกังวลเกี่ยวกับธุรกรรมเล็กๆ น้อยๆ ของชิปมากนัก Charlie Chai นักวิเคราะห์จากเซี่ยงไฮ้จาก 86Research กล่าว
“นอกจากในกรณีที่ จีนมีท่าทีคุกคามมากขึ้น หลังการตามจับ เราจึงจะเห็นการบังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น” เขากล่าว
เขากล่าวเสริมว่า ตลาดมืดชิป A100 และ H100 ที่มีในจีนปัจจุบัน อาจพังทลายลงในอนาคต เนื่องจากสตาร์ทอัพด้าน AI ของจีนจำนวนมาก ที่เป็นผู้ซื้อหลัก อาจไม่ประสบความสำเร็จ แล้วจะถอนตัวออกจากตลาดในที่สุด