นิวยอร์ก CNN – OpenAI อ้างว่าการสร้าง ChatGPT จะเป็นไปไม่ได้เลยหากไม่ใช้ผลงานที่มีลิขสิทธิ์ LinkedIn กำลังใช้ประวัติย่อของผู้ใช้เพื่อปรับปรุงโมเดล AI ของตน และ Snapchat บอกว่าถ้าคุณใช้ฟีเจอร์ AI บางอย่าง อาจจะนำใบหน้าของคุณไปใส่ในโฆษณา
New York CNN – OpenAI has claimed that creating ChatGPT would have been impossible without using copyrighted works. LinkedIn is using user resumes to polish up its artificial intelligence model. And Snapchat says if you use a certain AI feature, it might put your face in an ad.
แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียกำลังใช้คอนเทนท์ของคุณเทรนนิ่งโมเดล AI นี่คือวิธีเลือกที่จะ opt out เพื่อเลือกที่จะไม่เข้าไปมีส่วนร่วม
นิวยอร์ก CNN – OpenAI อ้างว่าการสร้าง ChatGPT จะเป็นไปไม่ได้เลยหากไม่ใช้ผลงานที่มีลิขสิทธิ์ LinkedIn กำลังใช้ประวัติย่อของผู้ใช้เพื่อปรับปรุงโมเดล AI ของตน และ Snapchat บอกว่าถ้าคุณใช้ฟีเจอร์ AI บางอย่าง อาจจะนำใบหน้าของคุณไปใส่ในโฆษณา
ทุกวันนี้ ผู้คนโพสต์บนโซเชียลมีเดีย ไม่เพียงแค่สิ่งที่พวกเขาเขียน พวกเขาโพสต์แม้แต่รูปภาพส่วนตัวต่างๆ คอนเทนท์ของผู้คนกำลังถูกบริษัทต่างๆ นำไปใช้กับโมเดล AI ของพวกเขามากขึ้น ไม่ว่าผู้ใช้จะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม
แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียส่วนใหญ่เสนอขายข้อมูลให้บริษัทที่ต้องการใช้ดาต้าเซ็ตเทรนนิ่งโมเดล AI สิ่งที่เขียนลงไปนั้นเป็นการสนทนา ซึ่งเป็นสิ่งที่แชทบอท AI พยายามจะอย่างเลียนแบบการสนทนาของมนุษย์ คอนเทนท์ที่คนโพสต์บนโซเชียลมีเดีย รวมถึงคำแสลงของมนุษย์ที่อาจเป็นประโยชน์สำหรับเครื่องมือเหล่านี้ในการนำไปใช้ และฟีดข่าวโดยทั่วไปเป็นแหล่งข้อมูลของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลาจริง
แต่ผู้ใช้ที่โพสต์บนไซต์เหล่านั้น ไม่น่าจะยินดี ที่โซเชียลแพลตฟอร์มจะแชร์คอนเทนท์ การสนทนาของพวกเขา รูปถ่ายส่วนตัว หรือภาพเซลฟี่ของพวกเขา ให้บริษัท AI นำไปใช้อย่างอิสระ เพื่อสร้างเทคโนโลยี (และโดยนัยก็คือสร้างรายได้) ให้กับบริษัทมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
“ขณะนี้ มีความกลัว AI ของคนจำนวนหนึ่ง บางส่วนมีเหตุผลและบางส่วนอิงจากนิยายวิทยาศาสตร์ ดังนั้นแพลตฟอร์มเหล่านี้จึงต้องเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาว่าพวกเขาจะใช้ และไม่ใช้ข้อมูลของเราอย่างไร เพื่อลดปฏิกิริยาต่อต้านบางอย่างที่ข่าวประเภทนี้นำมา – ซึ่งสำหรับผม รู้สึกว่าพวกเขายังไม่ได้ทำเช่นนั้น” เดวิด โอจิสเต้ ผู้ก่อตั้งบริษัทการตลาด Nobody’s Cafe ซึ่งโพสต์เกี่ยวกับการสร้างแบรนด์และความคิดสร้างสรรค์บน LinkedIn เป็นประจำ กล่าวในข้อความถึง CNN เขาเสริมว่าเขาจะเลือกที่จะไม่อนุญาตให้ LinkedIn ใช้ข้อมูลของเขาสำหรับการเทรนนิ่ง AI
แพลตฟอร์มโซเชียลต่างๆ มีความแตกต่างกัน ในแง่ของตัวเลือกที่พวกเขาให้ผู้ใช้ เพื่อเลือกที่จะไม่เข้าไปมีส่วนร่วมในโมเดล AI แต่นี่คือความเป็นจริง: ถ้าคุณกำลังโพสต์เนื้อหาสาธารณะออนไลน์ ไม่มีทางที่จะแน่ใจได้อย่างแน่นอนว่ารูปภาพของคุณจะไม่ถูกดูดไปโดยบุคคลที่สาม เพื่อนำไปใช้ในทางใดก็ได้ตามที่พวกเขาต้องการ
อย่างน้อยที่สุด ก็คุ้มค่าที่จะรับรู้ว่าเรื่องนี้กำลังเกิดขึ้น ต่อไปนี้คือวิธีที่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหลักๆ อาจกำลังใช้ข้อมูลของคุณ เพื่อเทรนนิ่ง และใช้งานโมเดล AI รวมถึงวิธี (และความเป็นไปได้) ที่คุณจะเลือก opt out ทางเลือกที่จะไม่เข้าไปมีส่วนร่วม
ในสัปดาห์นี้ LinkedIn เริ่มให้ทางเลือกแก่ผู้ใช้ในการเลือกที่จะไม่ให้ข้อมูลของตนถูกนำไปใช้ในการเทรนนิ่งโมเดล generative AI
บริษัทกล่าวว่าเนื้อหาของผู้ใช้อาจถูกใช้โดย LinkedIn และ “บริษัทในเครือ” ซึ่งอาจรวมถึงพาร์ทเนอร์ของ Microsoft อย่าง OpenAI ด้วย บริษัทกล่าวว่ามีเป้าหมายที่จะ “ลบหรือนำข้อมูลส่วนบุคคลออก” จากชุดข้อมูลที่ใช้ในการเทรนนิ่ง
เพื่อเลือกที่จะ opt out ผู้ใช้ควรไปที่ “การตั้งค่าและความเป็นส่วนตัว” เลือกแท็บ “ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล” ในคอลัมน์ด้านซ้าย จากนั้นคลิกที่ “ข้อมูลสำหรับการปรับปรุง generative AI ” และปิดสวิตช์
อย่างไรก็ตาม แพลตฟอร์มระบุว่า “การเลือกที่จะ opt out หมายความว่า LinkedIn และบริษัทในเครือจะไม่ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลหรือเนื้อหาของคุณบน LinkedIn เพื่อเทรนนิ่งโมเดลต่อไปในอนาคต แต่ไม่มีผลต่อการเทรนนิ่งที่ได้เกิดขึ้นไปแล้ว” นั่นหมายความว่า ไม่สามารถย้อนกลับไปและยกเลิกการเทรนนิ่งระบบ AI ของ LinkedIn รุ่นก่อนหน้าที่ใช้โพสต์ของผู้ใช้ได้
หากคุณอาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักร สวิตเซอร์แลนด์ หรือยุโรป – ซึ่งมีการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวที่เข้มงวดกว่าเขตอำนาจศาลอื่น – คุณอาจไม่เห็นตัวเลือกในการ opt out เนื่องจาก LinkedIn กล่าวว่า ไม่มีการข้อมูลผู้ใช้จากพื้นที่เหล่านั้น เทรนนิ่งโมเดล AI
X
X ของอีลอน มัสค์ ยังกำหนดให้ผู้ใช้ต้องเลือกที่จะ opt out หากพวกเขาไม่ต้องการให้โพสต์ของตนถูกนำไปใช้เทรนนิ่งแชทบอท AI ของพวกเขา ซึ่งมีชื่อว่า Grok แชทบอทนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในเรื่องต่างๆ เช่น การเผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการเลือกตั้งปี 2024 และการสร้างภาพปลอมของนักการเมืองที่มีชื่อเสียง ที่กำลังเป็นประเด็นร้อน
แพลตฟอร์มนี้กล่าวว่า X เอง และสตาร์ทอัพ xAI ของมัสค์ใช้โพสต์ของผู้คน รวมถึงการสนทนาของพวกเขากับ Grok เพื่อทำสิ่งต่างๆ เช่น ปรับปรุง “ความสามารถในการให้คำตอบที่ถูกต้อง เกี่ยวข้อง และน่าสนใจ” และพัฒนา “ความรู้สึกขบขันและไหวพริบ” ของมัน (X ไม่ได้แจ้งผู้ใช้ล่วงหน้าว่าข้อมูลของพวกเขาจะถูกนำไปใช้ในลักษณะนี้ การอัปเดตนโยบายนี้ถูกพบโดยผู้ใช้ที่มีสายตาเฉียบคม)
ผู้ใช้ X สามารถเลือกที่จะ opt out โดยไปที่ “การตั้งค่า” จากนั้นไปที่ “ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย” ภายใต้หัวข้อ “การแบ่งปันข้อมูลและการปรับแต่ง” มีแท็บสำหรับ “Grok” ซึ่งผู้ใช้สามารถยกเลิกการเลือกช่องที่อนุญาตให้แพลตฟอร์มใช้ข้อมูลของพวกเขาสำหรับการเทรนนิ่ง AI
X ยังกล่าวด้วยว่าผู้ใช้ที่ทำให้บัญชีของตนเป็นส่วนตัวจะไม่มีโพสต์ของพวกเขาถูกนำไปใช้ “เพื่อเทรนนิ่งโมเดลพื้นฐานของ Grok หรือเพื่อสร้างการตอบสนองต่อคำถามของผู้ใช้”
Snapchat
ฟีเจอร์ “My Selfie” ของ Snapchat ให้ผู้ใช้และเพื่อนๆ ของพวกเขาเปลี่ยนเซลฟี่ของตนเองเป็นภาพที่สร้างขึ้นด้วย AI
เซลฟี่เหล่านี้ยังสามารถถูกใช้โดย Snap (รวมถึงแบรนด์ที่โฆษณาบนแพลตฟอร์ม) เพื่อสร้างโฆษณาที่สร้างขึ้นด้วย AI ซึ่งมีใบหน้าของผู้ใช้ปรากฏอยู่ หากพวกเขาใช้ฟีเจอร์นี้ ตามที่เว็บไซต์ข่าวเทคโนโลยี 404 Media รายงานเป็นครั้งแรกในสัปดาห์นี้
ในข้อกำหนดการให้บริการ Snapchat ระบุว่า ภาพเซลฟี่ของผู้ใช้ที่แชร์ผ่านฟีเจอร์นี้จะถูกใช้ “เพื่อพัฒนาและปรับปรุงโมเดลการเรียนรู้ของเครื่อง … และเพื่อจุดประสงค์ในการวิจัย” นอกจากนี้ยังระบุว่าโดยการใช้ฟีเจอร์นี้ ผู้ใช้ยินยอมว่าพวกเขาอาจเห็นตัวเองถูกนำเสนอในโฆษณา “ที่จะมองเห็นได้เฉพาะคุณเท่านั้น” โดยไม่มีค่าตอบแทน
แต่ผู้ใช้ยังยินยอมให้มีการเข้าถึงภาพเหล่านั้นในวงกว้างมากขึ้นด้วย ตามข้อกำหนดการให้บริการ “โดยการใช้ My Selfie คุณให้สิทธิ์แก่ Snap บริษัทในเครือของเรา ผู้ใช้รายอื่นของบริการ และพันธมิตรทางธุรกิจของเรา ซึ่งสิทธิ์และใบอนุญาตที่ไม่จำกัด ทั่วโลก ปลอดค่าลิขสิทธิ์ ไม่สามารถเพิกถอนได้ และถาวร ในการใช้ สร้างผลงานสืบเนื่อง ส่งเสริม แสดง ออกอากาศ เผยแพร่ ทำซ้ำ จัดจำหน่าย ซิงโครไนซ์ วางกราฟิกทับ วางเอฟเฟกต์เสียงทับ แสดงต่อสาธารณะ และแสดงต่อสาธารณะซึ่งภาพที่สร้างขึ้นทั้งหมดหรือบางส่วนของคุณและลักษณะที่คล้ายคลึงกับคุณที่ได้มาจาก My Selfie ของคุณ ในรูปแบบใดก็ตามและในสื่อหรือวิธีการจัดจำหน่ายทั้งหมดที่มีอยู่ในปัจจุบันหรือที่จะพัฒนาขึ้นในอนาคต เพื่อวัตถุประสงค์ทางการค้าและไม่ใช่เชิงพาณิชย์”
My Selfie เป็นฟีเจอร์ที่ผู้ใช้ Snapchat ต้องเลือกเข้าร่วมเพื่อสร้าง ดังนั้นผู้ใช้จะไม่ถูกตั้งค่าเริ่มต้นให้ภาพทั้งหมดที่พวกเขาแชร์กับแพลตฟอร์มถูกใช้ในลักษณะนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ใช้ที่เปิดใช้งาน My Selfie สามารถไปที่ “การตั้งค่า” จากนั้นไปที่ “บัญชีของฉัน” และ “My Selfie” และปิดสวิตช์ “ดู My Selfie ในโฆษณา” เพื่อหลีกเลี่ยงการนำภาพของพวกเขาไปใช้สร้างเนื้อหาที่ได้รับการสนับสนุนที่สร้างขึ้นด้วย AI
Reddit กล่าวว่า ผู้ใช้ทุกคนที่แชร์เนื้อหาสาธารณะบนไซต์ เท่ากับให้อนุญาตให้ Reddit มีสิทธิ์ในเนื้อหา “เพื่อใช้ คัดลอก แก้ไข ปรับเปลี่ยน เตรียมผลงานสืบเนื่อง จัดจำหน่าย จัดเก็บ แสดง และแสดงเนื้อหาของคุณและชื่อ ชื่อผู้ใช้ เสียง หรือลักษณะที่คล้ายคลึงใดๆ ที่ให้ไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของคุณในทุกรูปแบบสื่อ” ซึ่งรวมถึงการอนุญาตให้บุคคลที่สามเข้าถึงโพสต์ของผู้ใช้เพื่อการเทรนนิ่ง AI โดยไม่ต้องขออนุญาต หรือจ่ายให้ผู้ใช้
Reddit ได้ทำข้อตกลงสำคัญกับ Google และ OpenAI เพื่อแบ่งปันข้อมูลแพลตฟอร์มเพื่อเทรนนิ่งโมเดล AI ของพวกเขา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะทำให้เกิดกำไร
ผู้ใช้ Reddit ไม่สามารถเลือกที่จะไม่ให้โพสต์สาธารณะของพวกเขาถูกใช้ในลักษณะนี้ได้ แต่แพลตฟอร์มกล่าวว่าเนื้อหาส่วนตัว เช่น ข้อความส่วนตัว โพสต์ในชุมชนส่วนตัว และประวัติการเบราว์ จะไม่ถูกแบ่งปันกับบุคคลที่สาม
Meta
Meta ได้ยอมรับว่าบริษัทได้ใช้โพสต์สาธารณะ (แต่ไม่ใช่ส่วนตัว) จาก Facebook และ Instagram เพื่อเทรนนิ่งแชทบอท AI ของตนแล้ว
ในนโยบายความเป็นส่วนตัว Meta กล่าวว่าอาจเทรนนิ่งระบบ AI ของตนด้วยเนื้อหาสาธารณะของ Facebook และ Instagram ของผู้ใช้ ซึ่งรวมถึงโพสต์ ความคิดเห็น เสียง และรูปภาพโปรไฟล์ ดังนั้น หากคุณต้องการเลือกที่จะ opt out คุณต้องทำให้บัญชีของคุณเป็นส่วนตัว Meta ยังกล่าวด้วยว่าข้อความส่วนตัวระหว่างครอบครัวและเพื่อนจะไม่ถูกนำมาใช้ในการเทรนนิ่ง AI ของบริษัท
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าคุณจะไม่ใช้บริการใดๆ ของ Meta บริษัทระบุว่าอาจใช้ข้อมูลของคุณ เช่น รูปถ่ายของคุณที่โพสต์โดยเพื่อน เพื่อปรับปรุงเทคโนโลยีของตน