Intel’s AI fumble: How the chip giant missed a big opportunity

ในโลกของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การพลาดโอกาสสำคัญครั้งต่อไปอาจส่งผลเสียได้ สำหรับ Intel ยักษ์ใหญ่ด้านเซมิคอนดักเตอร์ที่เคยครองความยิ่งใหญ่ในยุคคอมพิวเตอร์ ช่วงเวลาดังกล่าวเกิดขึ้นและผ่านไปอย่างเงียบๆ ระหว่างปี 2017 ถึง 2018 ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัทปฏิเสธโอกาสทอง ซึ่งเมื่อมองย้อนกลับไปแล้ว ดูเหมือนว่าจะเป็นโอกาสที่ Intel จะเป็นผู้นำสู่การปฏิวัติ AI

In the fast-paced world of technology, missing the next big thing can be costly. For Intel, the semiconductor titan that once reigned supreme in the computer age, one such moment came and went quietly between 2017 and 2018. It was then that the company declined an opportunity that, in hindsight, appears to have been a golden ticket to the AI revolution.

Intel: ยักษ์ใหญ่ด้านชิปพลาดโอกาสสำคัญ สู่ผู้นำอุตสาหกรรม AI ได้อย่างไร

ในโลกของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การพลาดโอกาสสำคัญครั้งต่อไปอาจส่งผลเสียได้ สำหรับ Intel ยักษ์ใหญ่ด้านเซมิคอนดักเตอร์ที่เคยครองความยิ่งใหญ่ในยุคคอมพิวเตอร์ ช่วงเวลาดังกล่าวเกิดขึ้นและผ่านไปอย่างเงียบๆ ระหว่างปี 2017 ถึง 2018 ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัทปฏิเสธโอกาสทอง ซึ่งเมื่อมองย้อนกลับไปแล้ว ดูเหมือนว่าจะเป็นโอกาสที่ Intel จะเป็นผู้นำสู่การปฏิวัติ AI

รายงานล่าสุดเผยว่า Intel มีโอกาสที่จะซื้อหุ้น 15% ใน OpenAI ในราคา 1 พันล้านดอลลาร์ โดยมีโอกาสได้หุ้นเพิ่มอีก 15% เพื่อแลกกับการผลิตฮาร์ดแวร์ในราคาต้นทุน ในขณะนั้น OpenAI เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นซึ่งมุ่งเน้นไปที่สาขา generative AI ซึ่งยังไม่เป็นที่รู้จักในขณะนั้น ภายใต้การนำของ Bob Swan ซีอีโอ Intel ปฏิเสธข้อตกลงนี้ในที่สุด เนื่องจากไม่มั่นใจว่า generative AI จะให้ผลตอบแทนในระยะใกล้

การตัดสินใจครั้ง นี้สะท้อนถึงความท้าทายที่กว้างขึ้น ซึ่งยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีที่ก่อตั้งมานานต้องเผชิญ นั่นคือการสร้างสมดุลระหว่างการพิจารณาทางการเงินในระยะสั้นกับการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในระยะยาวในเทคโนโลยีใหม่ การที่ Intel เลือกที่จะให้ความสำคัญกับผลตอบแทนในระยะสั้น มากกว่าการลงทุนกับศักยภาพของ generative AI แสดงให้เห็นถึงแนวทางของ Intel ที่รอบคอบ แต่อาจต้องพลาดโอกาสทอง มูลค่ามหาศาลในระยะยาว

เมื่อถึงปี 2024 ผลที่ตามมาจากการตัดสินใจครั้งนั้นก็ชัดเจน OpenAI ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 8 หมื่นล้านดอลลาร์ ได้กลายเป็นแรงผลักดันเบื้องหลังการปฏิวัติ AI ด้วยแพลตฟอร์ม ChatGPT ในขณะเดียวกัน Intel กำลังไล่ตามในตลาดชิป AI ซึ่งถูกคู่แข่งอย่าง Nvidia ที่มีมูลค่าตลาด 2.6 ล้านล้านดอลลาร์ และกำลังดิ้นรนเพื่อรักษาความเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมที่ครั้งหนึ่งเคยครองตลาด

การพลาดโอกาสที่สำคัญครั้งนี้ ไม่ใช่แค่เหตุการณ์ครั้งแรกที่เกิดขึ้นกับ Intel บริษัทปฏิเสธที่จะผลิตโปรเซสเซอร์สำหรับ iPhone ของ Apple ทำให้ Intel ไม่สามารถเข้าสู่ยุคของคอมพิวเตอร์พกพาได้ ความผิดพลาดเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงยักษ์ใหญ่ที่ครั้งหนึ่งเคยสร้างสรรค์สิ่งใหม่ แต่สูญเสียความสามารถในการคาดการณ์และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงโลก

การตัดสินใจของ Intel ส่งผลกระทบฐานะของบริษัทจากผู้นำในอุตสาหกรรมสู่ผู้ตาม AI สะท้อนให้เห็นได้จากผลการดำเนินงานล่าสุดของบริษัท มูลค่าตลาดของบริษัทลดลงต่ำกว่า 100 พันล้านดอลลาร์ เป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี และล่าสุด บริษัทได้ประกาศแผนการลดพนักงานมากกว่า 15% หลังจากผลประกอบการที่น่าผิดหวัง แม้ว่า Intel มีเป้าหมายที่จะเปิดตัวชิป AI Gaudi รุ่นที่ 3 ในช่วงปลายปีนี้ แต่ยังคงต้องดูกันต่อไปว่าสิ่งนี้จะเพียงพอที่จะกลับมาครองตลาดฮาร์ดแวร์ AI ที่มีการแข่งขันรุนแรงได้หรือไม่

เหตุการณ์ของ OpenAI เน้นย้ำถึงความท้าทายที่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่ก่อตั้งมานานต้องเผชิญ นั่นคือการสร้างสมดุลระหว่างการพิจารณาทางการเงินในระยะสั้นกับการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในระยะยาวในเทคโนโลยีใหม่ การตัดสินใจของ Intel ที่จะให้ความสำคัญกับ โครงการที่ให้ผลตอบแทนทันทีมากกว่าศักยภาพของ  generative AI  สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางที่ระมัดระวังซึ่งอาจต้องเสียโอกาสมูลค่ามหาศาลในระยะยาว

เนื่องจาก AI ยังคงเปลี่ยนโฉมของอุตสาหกรรมและสร้างตลาดใหม่ ความสามารถในการตัดสินใจเลือก และลงทุนในเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำตั้งแต่เนิ่นๆ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับบริษัทเทคโนโลยีที่หวังจะรักษาความได้เปรียบในการแข่งขัน โอกาสที่พลาดไปของ Intel กับ OpenAI ถือเป็นบทเรียนเตือนใจสำหรับผู้นำองค์กรที่กำลังเดินหน้าในอนาคตที่ไม่แน่นอนของนวัตกรรมทางเทคโนโลยี

เมื่อมองไปข้างหน้า Intel ต้องเผชิญกับการต่อสู้อย่างหนักเพื่อผลักดันสถานะของตัวเองขึ้นมาใหม่ในฐานะผู้นำในตลาดชิป AI แผนของบริษัทที่จะเปิดตัวโปรเซสเซอร์ที่เน้น AI ใหม่สำหรับพีซีและเซิร์ฟเวอร์ในปี 2025 แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นใหม่ในพื้นที่นี้ แต่ยังคงต้องดูกันต่อไปว่าความพยายามเหล่านี้จะช่วยลดช่องว่างกับคู่แข่งที่คว้าโอกาสของ AI ในช่วงแรกได้หรือไม่

เรื่องราวของ Intel เตือนให้เราทราบว่าในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ยักษ์ใหญ่ในปัจจุบันอาจกลายเป็นผู้ตามหลัง ที่ก้าวไม่ทันเทคโนโลยีในวันพรุ่งนี้ ได้อย่างรวดเร็วหากพวกเขาไม่ยอมรับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงโลก ในขณะที่เรากำลังยืนอยู่บนจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติ AI คำถามยังคงอยู่: Intel จะหาวิธียกระดับตัวเองขึ้นมาใหม่ได้หรือไม่ หรือจะถูกทิ้งไว้ข้างหลังท่ามกลางอนาคตที่ครั้งหนึ่ง Intel เคยสร้างขึ้นมา?

view original *