บทความจาก youtube ช่องอนุบาลคริปโต http://anuban.oneman.company/
สวัสดีครับ ผมบิ๊ก พงษ์ระพี
พบกันอีกครั้งในช่อง อนุบาลคริปโต นะครับ
สำหรับวันนี้จะมาเล่า เรื่องที่แปลกกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา นั่นก็คือมาแกะบทสัมภาษณ์ของ CZ เจ้าของไบแนนซ์ซึ่งเป็นกระดานเทรดคริปโตอันดับหนึ่งของโลก ที่ได้ไปให้สัมภาษณ์รายการ Bloomberg New Economy รายการเศรษฐกิจการลงทุนที่มีชื่อเสียงระดับต้นๆของโลก
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ความคิดเห็นของ CZ ในแง่มุมต่างๆที่ผู้ดำเนินรายการถาม ซึ่งCZ ตอบได้อย่างคมคาย ผมเลยอยากจะเอามาเล่าให้ผู้ฟังทุกท่านได้รับทราบ เพราะมันจะให้กรอบความรู้ในเรื่องคริปโตของเรากว้างขึ้น ลึกขึ้น นอกจากนี้ผมจะเติมความคิดเห็นลงไปในแต่ละประเด็นด้วยนะครับ
และใครที่ยังไม่รู้จัก CZ ผมก็เคยทำคลิปถอดรหัส BNB คอยน์ของไบแนนซ์ไปแล้ว ก็แนะนำให้ไปฟังเพิ่มนะครับ ชื่อ CZ นั้นมาจากชื่อย่อจากอักษรพินยินตัวกำกับการออกเสียงภาษาจีน จากชื่อจีนว่า “จ้าวฉางเผิง” (Chinese: 赵长鹏; pinyin: Zhào Chángpéng) เนื่องจากแกเกิดที่จีนแล้วไปโตที่แคนาดา และถือสัญชาติแคนาดา
มาเริ่มกันเลยนะครับ
ผู้ดำเนินรายการเริ่มต้นด้วยคำถาม ปูพื้นง่ายๆว่า คริปโตคืออะไร ซึ่งในห้องส่งนี้ก็อาจจะมีคนไม่ปลื้มกับคริปโตนั่งอยู่ด้วย คำถามดูบีบๆ แต่ CZ ก็ตอบประเด็นนี้ทันทีเลย โดยบอกว่าในห้องนี้ก็คงมีคนรู้เกี่ยวกับคริปโตในระดับที่แตกต่างกันไป
จริงๆแล้วคริปโตมันคืออนาคต มันคือเทคโนโลยี ไม่ใช่แค่สกุลเงิน สินค้าการเกษตร หรือจะแบ่งเป็นกลุ่มโน่นนี่นั่นได้อย่างเดียว มันเป็นเทคโนโลยีที่จะมีการพัฒนานวัตกรรมไปเรื่อยๆ เหมือนกับอินเทอร์เน็ตในปี 90 เพียงแต่คริปโตจะมาเปลี่ยนแปลงโลกการเงินและอีกหลายอย่างในอนาคต
ผมว่าคำตอบนี้น่าสนใจ แทนที่จะ CZ จะตอบว่ามันคือสินทรัพย์ดิจิตอล ระบบการเงิน หรือบล็อกเชนอะไรก็ว่าไป แต่เลือกตอบว่ามันคือเทคโนโลยีที่จะพัฒนาไปเรื่อยๆ
ก่อนหน้านี้หลายปี มีบริษัทหนึ่งโดนสื่อจัดธุรกิจอยู่ในกลุ่ม media แล้วบอกว่าบริษัทนี้เป็นบริษัทมีเดีย เจ้าของบริษัทออกมาบอกทันทีว่าบริษัทตัวเองไม่ใช่บริษัทมีเดีย ถึงแม้ว่ารายได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์มาจากโฆษณาก็ตาม บริษัทของเขาคือบริษัทเทคโนโลยีต่างหาก คนที่ออกมาพูดนี้ก็คือ มาร์ค ซักนั่นเอง และตอนนี้ก็เปลี่ยนตัวเองเขาไปสู่เมต้าเวิร์สเรียบร้อยแล้ว
การนิยามธุรกิจที่ทำนั้น สำคัญและน่าสนใจ ถ้าเลือกแคบ การคิดดูเหมือนจะโฟกัสแต่อาจจะแคบเกินไปจนตามโลกไม่ทันก็เป็นไปได้ อย่างเช่นโกดักถ้าบอกว่าตัวเองคือบริษัทฟิล์ม แนวคิดก็คือทำฟิล์มให้ดีที่สุดไปเรื่อยๆ แล้ววันหนึ่งโลกก็ไม่เอาฟิล์ม ทุกอย่างก็จบ
ดังนั้น CZ มองไบแนนซ์เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่เริ่มต้นจากคริปโต เริ่มต้นจากกระดานเทรด และพร้อมจะทำอะไรก็ได้ที่คืออนาคต ที่เทคโนโลยีพาไปนั่นเอง
คำถามที่สอง อะไรคือพัฒนาการของคริปโต และอะไรที่ทำให้ CZ ตื่นเต้นที่สุด
CZ ก็ตอบว่าตอนนี้สิ่งนั้นก็คือ แอพพลิเคชันที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในโลกการเงินเก่า การระดมทุนได้ทั่วโลกผ่านการออกเหรียญ ครีเอเตอร์สามารถสร้างผลงานและขายได้ในรูปแบบ NFT / GameFi play to earn / Decentralize social media แต่อย่างไรก็ตามถ้าจะบอกว่าคริปโตจะมาแทนที่โลกการเงินเก่า มันก็คงจะเร็วเกินไปที่จะพูดอย่างนั้น คริปโตยังเล็กมาก อาจจะแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นมันต้องใช้เวลานาน ในระดับสิบปียี่สิบขึ้นไป เพราะว่าหลายอย่าง โลกการเงินเก่าก็ยังทำได้ดี เช่นการจ่ายเงินซื้อของ ด้วยบัตรเครดิตหรือ Mobile Payment แต่ที่คริปโตจะมาเติมช่องว่างก็คือการโอนข้ามโลก
ประเด็นนี้ CZ มองค่อนข้าง conservative ซึ่งเหตุผลก็น่าสนใจ เพราะว่าเรื่องเงินเรื่องใหญ่ และการไปสู่ mass adoption หรือทั่วถึงทุกหย่อมหญ้านั้นมันไม่ง่าย ต้องใช้เวลา อย่างอีคอมเมิร์ซจะเป็นรูปเป็นร่างจริงๆก็กินเวลาถึงยี่สิบปีเช่นกัน
คำถามที่สาม แบบกดดันนิดว่า คริปโตจะมาแทนที่ us dollar ในฐานะเงินสำรองระหว่างประเทศหรือเปล่า
CZ ตอบว่าเขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะ แต่การที่มาแทนที่ตรงๆเลยไม่น่าจะดี มันควรจะค่อยเป็นค่อยไปจากการเพิ่มทีละเล็กทีละน้อยก่อน การเปลี่ยนแปลงเร็วเกินไป ทุกอย่างจะไม่พร้อมทั้งอุตสาหกรรม ทั้งคน และ us dollar ก็ถือว่าทำงานได้ดีเยี่ยมอยู่แล้ว
สรุปแล้วคำตอบนี้ CZ ตอบแบบถนอมน้ำใจนะ มีชมเงินเฟียตด้วย แต่จริงๆแล้วจะเร็วหรือช้า แต่ละประเทศคงตัดสินใจเอง บนพื้นฐานที่แตกต่างกันแหละ ใครได้เปรียบใครเสียเปรียบก็ว่ากันไปนะ เร็วช้าบางทีวัดกันด้วยเวลาอาจจะไม่ได้ แต่วัดกันด้วยความพร้อม และเงื่อนไขอื่นน่าจะดีกว่า
คำถามที่สี่
พิธีกรถาม
เกี่ยวกับแคมเปญที่ไบแนนซ์ประกาศออกมา ที่ชื่อว่า 10 Fundamental Rights for Crypto Users ใครควรเริ่มก่อน regulator คู่แข่งหรือคนอื่น
CZ ก็ยิ้ม พร้อมกับบอกความในใจว่า จริงๆแล้วเขาคุยกับ ผู้คุ้มกฏทั่วโลก เยอะมากๆ และผู้ใช้อาจจะไม่ค่อยรู้เรื่องนี้เท่าไหร่ ผู้คุ้มกฏอาจจะไม่ได้เข้าใจลึกๆจริงเกี่ยวกับคริปโต
ตรงนี้พิธีกรถามเจาะลงไปอีกว่า CZ พูดว่าการกำกับกฏระเบียบของรัฐเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่ง CZ ก็บอกว่าใช่ ที่พูดอย่างนี้เพราะว่า ต้องการใบอนุญาต หรือหยุดไม่ได้
CZ ก็ตอบทันทีว่า เขาต้องการการกำกับอย่างถูกต้อง เขาไม่ได้เป็นพวกเสรีนิยมแท้ๆ เขาไม่ได้เป็นพวก anarchist แน่ๆที่อยู่ร่วมกันโดยไม่มีกฏกติกาใดๆเลยคงเป็นไปได้ยาก อันนี้แซะพวกอนาธิปไตย เขายังเชื่อการอยู่ร่วมกันโดยมีรัฐ มีกติกากลาง ตอนนี้การใช้คริปโตทั่วโลกน่าจะอยู่ประมาณสักห้าเปอร์เซ็นต์ พวกนี้เป็นพวกกล้าลองกล้าใช้
ส่วนที่เหลือเก้าสิบกว่าเปอร์เซ็นต์นั้น ยังมีคำถามอยู่เยอะเรื่องความปลอดภัย ความมั่นใจและอื่นๆ สิ่งที่เขาต้องการคือ การกำกับดูแลจากรัฐ กระดานเทรดที่มีใบอนุญาต มีออฟฟิสเป็นเรื่องเป็นราว
คำตอบของ CZ ตรงนี้ค่อนข้างชัดว่า เขาเป็นนักธุรกิจในโลกคริปโต เรื่องอุดมการณ์เสรี ที่เกิดจากบิทคอยน์เขาไม่ได้สนใจ อย่างที่ผมเคยวิเคราะห์เอาไว้ แต่ที่เลือกทำธุรกิจหลบๆซ่อนๆทุกวันนี้ ก็เพราะมันติดกฏระเบียบจากรัฐร้อยแปด เขาก็เลยทำก่อน บุกก่อน แล้วค่อยขออนุญาต CZ ก็คงรู้ว่าขออนุญาตก่อนทำ คงไม่ได้เกิด ดังนั้นตอนนี้ผมว่าทีมเกี่ยวกฏหมายคงมีเพียบ ทำอย่างไรที่จะให้ไบแนนซ์ถูกกฏหมายในแต่ละพื้นที่ให้ได้
สำหรับแคมเปญ 10 Fundamental Rights for Crypto Users เนื้อหาก็น่าสนใจ มีสิบข้อเหมือนกับบัญญัติสิบประการ และเขาก็ควักเงินซื้อโฆษณาหนังสือพิมพ์ใหญ่ๆทั่วโลกนะ แบบเต็มหน้าเลย มีแต่ตัวหนังสือ พาดหัวชวนอ่านเลย ก็คือขึ้นต้นด้วย คริปโตคือปีศาจ แล้วบรรทัดต่อมาก็เล่าต่อว่า อย่าให้คำพาดหัวพวกนี้มาหลอกคุณได้ คริปโตเป็นสิทธิ์ของมวลมนุษยชาติ เป็นของทุกคน ที่มีสิทธิ์เข้าถึง มีสิทธิ์ใช้ แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องมีกฎหมายกำกับ ดังนั้นสิ่งที่บอกนี้เป็นเฟรมเวิร์กกว่า จุดแบ่งควรจะอยู่ตรงไหนถึงจะดี
อย่างข้อแรกบอกเลยว่ามนุษย์ทุกคนควรจะเข้าถึงเครื่องมือทางการเงินได้ เช่นคริปโต
ข้อสองคนที่อยู่ในอุตสาหกรรมควรจะทำงานกับผู้คุ้มกฏและผู้ออกนโยบาย เพื่อกำหนดมาตรฐานของสินทรัพย์ดิจิตอล
ข้อสี่ privacy เป็นสิทธิมนุษยชน ดังนั้นมันจะต้องมีระดับการป้องกันเข้าถึงด้วย
เมื่อดูทั้งหมดแล้วก็จะเห็นได้ว่า CZ ก็แทงกั๊กพอสมควร อยากอยู่ในกฏแต่ตัวเองก็เริ่มจากการผิดกฏ ในขณะเดียวกันก็เอาใจฝั่งผู้ใช้สักครึ่งหนึ่ง แต่ถ้ามองลึกๆ มันคือกรอบที่ให้สองฝ่ายมาประนีประนอมกัน ว่าจุดที่ยอมกันได้อยู่ตรงไหน และเป็นการเรียกเสียงฝั่งผู้ใช้อีกนับพันล้านคนที่กำลังจะเข้ามาในอนาคตด้วย
เอาล่ะ มากันต่อ
คำถามที่ห้า พิธีกรถามย้ำต่อว่าเมื่อไหร่จะเห็น crypto adoption ถึง 100% ซึ่งหมายถึงใช้กันทั่วทั้งหมด
CZ ก็ตอบตามเดิมว่าคงนาน ยิ่งรุ่นสูงอายุด้วยคงยาก และแอพพลิคชันที่มีในปัจจุบันก็ยังไม่ดีนัก ดังนั้นสิบยี่สิบปีต้องมี เพียงแต่มันจะค่อยๆเพิ่มขึ้นแบบ exponential คือช่วงต้นๆยังน้อย และไปเร่งตอนปลาย
คำถามที่หก ให้ CZ อธิบายหน่อยว่า smart regulation vs dump regulation ต่างกันอย่างไร
dump regulator จะมองโลกมิติเดียว คือ ป้องกันความเสี่ยง โดยไม่ให้มี ไม่อนุญาต ปิดทุกอย่าง ส่วน smart regulation นั้นจะมองถึงการเติบโตของเศรษฐกิจด้วย คือลดความเสี่ยงด้วยพร้อมกับทำให้เศรษฐกิจเติบโต ทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ขึ้นมา
อันนี้ CZ ตอบได้ดีนะ เรียกได้ว่าแหย่ผู้คุ้มกฏเรื่องผลประโยชน์ที่ตามมาเรื่องเศรษฐกิจ แต่ในแคมเปญที่ออกนั้น ไม่มีคำว่า dump นะครับ มีแต่คำว่า smart อันนี้พิธีกรแกใส่เข้ามาเอง
คำถามที่เจ็ด ค่าธรรมเนียมของไบแนนซ์นี้ต่ำ ทำไมเป็นอย่างนั้น
CZ ตอบ จริงๆแล้วธุรกิจเรามีกำไร และยังลดค่าฟีต่ำกว่านี้ได้อีก เขาบอกว่าเขาไม่เชื่อเรื่องการทำกำไรสูงสุด เขาไม่เชื่อเรื่องสร้างมูลค่าสูงสุดให้กับผู้ถือหุ้น ในระยะสั้น เขาเชื่อในการสร้างอุตสาหกรรมให้เติบโต และให้คุณค่าสูงสุดกับลูกค้า แล้วเขาจะเติบโต และท้ายที่สุดผู้ถือหุ้นก็จะได้มูลค่าสูงสุดนั่นเอง
คำตอบนี้ของ CZ น่าสนใจมาก เขามองระยะยาวจริงๆ และที่ผ่านมา เงินทั้งหมด ส่วนใหญ่เอาไปลงต่อ ไปพัฒนาทำให้เติบโตยิ่งขึ้น เมื่อเติบโตท้ายที่สุด ทุกคนก็จะได้ นอกจากค่าฟีของการเทรดจะต่ำแล้ว ค่าฟีในเชนก็ยังต่ำอีกด้วย ดังนั้นถ้าถึงวันที่ต้องต่อสู้กับคู่แข่งทั้งเชน และกระดานเทรด สงครามราคา CZ ก็พร้อมที่จะลุยอย่างไม่เสียเปรียบ
คำถามที่แปด พิธีกรพยายามจะถามเรื่องรายได้ ให้บอกตัวเลข แต่ CZ บอกว่าคำนวนยาก เพราะเขาเก็บเงินเป็นคริปโตเกือบทั้งหมด และราคามันก็ผันผวน แบบว่าบอกตัวเลขเป็นเงินดอลลาร์ตอนนี้ อีกห้านาทีตัวเลขก็เปลี่ยน แต่จริงๆแล้วพิธีกรกำลังจะบอกว่า ถ้าคำนวนแบบคร่าวๆ สิ่งที่ CZ มีตอนนี้น่าจะเป็นคนที่รวยที่สุดในโลกไปแล้ว
CZ ถึงกับอึ้งแล้วบอกว่า เขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่นัก ว่าจะอยู่อันดับที่เท่าไหร่ของโลก และก็ได้ให้สัมภาษณ์กับ forbes ไปเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ว่า เขาจะบริจาคเงิน 99% ของทั้งหมดให้กับการกุศลหลังจากไป
ประเด็นนี้น่าสนใจครับ
เพราะการให้สัมภาษณ์ทำนองนี้กับสื่อใหญ่ นั่นก็คือมีเจตจำนงชัด เมื่อถึงเวลาแล้วไม่ทำ โลกก่นด่าแน่นอน และเราไม่ค่อยเห็นคนเอเชียจะบริจาคทรัพย์สินแบบนี้เลย ส่วนใหญ่ก็จะเก็บจนตัวตายแล้วส่งต่อให้ลูกหลาน
CZ คงคิดว่าเขาประสบความสำเร็จเรื่องเงินเรียบร้อยแล้ว ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรอีก ที่ทำงานอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะ passion อยากจะทำ สิ่งนี้ทำให้ผมเชื่อมั่นในไบแนนซ์เพิ่มขึ้น ที่เขาจะไม่ทำอะไรซี้ซั้ว ไม่ทำอะไรให้เสียหาย สิ่งนี้ดีครับสำหรับผู้นำองค์กรที่ประกาศเจตจำนงออกมาเช่นนี้ และดีสำหรับลูกค้าไบแนนซ์ที่มีเจ้าของที่คิดแบบนี้
คำถามถัดไป พิธีกรร่ายยาวแล้วเจาะมาที่เขาสงสัยจริงๆว่า คอยน์มันมีมูลค่าเกิดขึ้นมาได้อย่างไร พร้อมกับยกตัวอย่าง dogecoin & himalaya coin งงจริงๆ
CZ ตอบอย่างนี้ครับว่า การประเมินมูลค่ามันค่อนข้าง subjective หรือตีมูลค่ายาก นานาจิตตัง ต่างคนต่างคิดต่างมีสูตรของตัวเอง แต่สำหรับเขาแล้วมูลค่ากับราคานั้นต้องดูที่ “สภาพคล่อง”
เขายกตัวอย่าง ถ้าใครจะออกเหรียญสักเหรียญ แล้วมีจำนวนสักล้านล้านเหรียญ จากนั้นก็ส่งเหรียญเดียวที่มีมูลค่าหนึ่งดอลลาร์ให้คนๆหนึ่ง แล้วจะบอกว่าเขามีทรัพย์สินล้านล้านเหรียญก็คงไม่ได้ มันต้องดูว่าเขาจะเอาเหรียญทั้งหมด cashout ออกมาอย่างไร นั่นก็คือต้องมีคนรับต่ออย่างมหาศาล และนี่คือ เรื่องของสภาพคล่อง
เขายกตัวอย่าง ถ้าใครจะออกเหรียญสักเหรียญ แล้วมีจำนวนสักล้านล้านเหรียญ จากนั้นก็ส่งเหรียญเดียวที่มีมูลค่าหนึ่งดอลลาร์ให้คนๆหนึ่ง แล้วจะบอกว่าเขามีทรัพย์สินล้านล้านเหรียญก็คงไม่ได้ มันต้องดูว่าเขาจะเอาเหรียญทั้งหมด cashout ออกมาอย่างไร นั่นก็คือต้องมีคนรับต่ออย่างมหาศาล และนี่คือ เรื่องของสภาพคล่อง
นอกจากนี้ CZ ยังบอกต่อไปอีกว่า เราควรดูลึกไปกว่านี้อีก เช่นมี circulation supply มากน้อยแค่ไหน บางเหรียญปล่อยเหรียญออกมาวิ่งในตลาดนิดเดียว ซึ่งมันจะทำราคาให้ขึ้นไปได้ง่าย แต่มันไม่ใช่มูลค่าที่แท้จริง
ในระยะยาวแล้วคนทำเหรียญจะต้องสร้างมูลค่าให้สินทรัพย ให้ตลาดรับรู้ และนี่ก็คือเหตุผลที่เวลาไบแนนซ์ลิสเหรียญ จึงจะต้องให้มี circulation supply ที่เพียงพอด้วย เพื่อไม่ให้เกิด spike คือราคาพุ่งแหลมๆ และถ้า circulation supply มากเพียงพอ มันจะสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงออกมา
เรื่องการประเมินมูลค่ามัน subjective จริงๆ แม้แต่โลกการเงินเก่า ก็มีวิธีประเมินมูลค่าหลากหลายนับสิบวิธี แต่ละวิธีก็ไม่ได้ตัวเลขตรงกันเลย ท้ายที่สุดขึ้นอยู่กับจะเชื่อใครมากกว่ากัน และผู้ซื้อผู้ขายพอใจที่ราคาไหน ตัวอย่างเช่น
S2F model นั้นใช้ประเมินบิทคอยน์ เน้นที่ scarcity อย่างเดียว ส่วน CZ มองที่สภาพคล่องเป็นหลัก เรื่องสภาพคล่องมันก็จริง เพราะทันทีที่เหรียญได้ลิสต์กระดานที่มีสภาพคล่องสูงมาก ราคาเหรียญส่วนใหญ่ก็จะพุ่ง
ส่วนตัวผมเอง ผมได้ทำ 3Q model ออกมา เพื่อแสดงความสัมพันธ์ของการก่อเกิดมูลค่าสินทรัพย์ว่ามีตัวแปรอะไรบ้างที่ขับเคลื่อน และเรื่องของราคากับมูลค่าก็เป็นเรื่องที่แยกออกจากกัน ใครที่สนใจเรื่องนี้ก็ตามดูคลิปถอดรหัสเหรียญต่างๆเอานะครับ
ส่วนคำถามอื่นๆ มีประเด็นที่น่าสนใจอีกดังนี้ครับ
CZ บอกว่าเขาต้องการให้ไบแนนซ์เป็นแพลทฟอร์มของแพลทฟอร์ม ที่ให้คนอื่นเอาบริการของไบแนนซ์ไปใช้ เช่นสร้างโทเคน จุดแข็งของไบแนนซ์คือ สภาพคล่องอันดับหนึ่งของโลก
ตอนนี้ CZ กำลังเซตอัป สำนักงานใหญ่อยู่ แต่ยังไม่พร้อมที่จะบอกตอนนี้ ว่าอยู่ที่ไหน ตอนนี้กำลังคุยกับ regulator อย่างหนัก และมีหลายประเทศที่เปิดรับคริปโต เช่น UAE, Singapore, France
binance.us จะพยายามเข้า IPO ให้เมกาให้ได้ และต้องการระดมทุนหลายร้อยล้านดอลล่าร์ ซึ่งจริงๆไบแนนซ์มีเงินอยู่แล้ว แต่ต้องการกระจายทุนให้คนอื่นเข้ามาด้วย ส่วน binance.com นั้นใหญ่กว่ามาก ตอนนนี้ยังไม่เคลียร์ว่าจะทำอย่างไรดี
CZ ยังมองว่าในอนาคตอีกห้าปีสิบปี ตลาดหลักทรัพย์ก็ต้องมีกระดานเทรดคริปโต แล้วอาจจะรวมกัน ซึ่งไบแนนซ์ก็มองเป็นโอกาสที่จะเข้ามาช่วย และยังพูดติดตลกอีกว่าเขาต้องการสภาพคล่องอีก ซึ่งตอนนี้สภาพคล่องของไบแนนซ์ก็อันดับหนึ่งของโลกอยู่แล้ว ตรงนี้ถ้าใครเคยไปอ่าน whitepaper ของไบแนนซ์ยุคเริ่มต้น CZ มองปัจจัยของความสำเร็จเรื่องนี้ออก บอกว่ากระดานเทรดที่ดีนั้นต้องมีสภาพคล่องเยอะที่สุด และเขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งนี้มา
และบ้านเราเอง ตอนนี้ก็มีข่าวว่าตลาดหลักทรัพย์กำลังจะเปิดกระดานเทรดคริปโตด้วยในปีหน้า ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้นก็ต้องติดตามกันดูอีกที
อีกหนึ่งคำถามว่า เป็นไปได้ไหมที่จีนจะยกเลิการแบนคริปโต
CZ ตอบมาทันทีว่า ต้องพูดให้เคลียร์ จริงๆแล้วจีนไม่ได้แบนคริปโต แต่แบนกระดานเทรดคริปโต & ico และจีนก็ออกคริปโตของตัวเองเป็น CBDC และก็ถือบิทคอยน์อย่างถูกกฏหมาย ส่วนประชาชนถือนั้นผิดกฏหมาย
และคำถามท้ายจากพิธีกร ก็บอกว่า เมื่อสักครู่นี้ก่อน CZ จะมา เขาได้บอกคนในห้องนี้ว่า ฮิลลารี คลินตัน ได้ประกาศว่าคริปโตเป็นภัยคุกคามต่อชาติ เป็นภัยต่อเงินดอลลาร์
CZ ตอบสวนทันควันเลยว่า การมองว่าเป็นภัยคุกคามนั้น ก็ทำได้ ถือว่าเป็นความคิดเห็นส่วนตัว แต่ถ้าจะให้ดีนั้น ควรเปิดใจด้วย CZ ยกตัวอย่างไบแนนซ์เขาทำกระดานเทรดแบบ centralize และก็ทำกระดานเทรดแบบ decentralzie ด้วย ทำไปพร้อมกัน ทั้งที่ทั้งคู่เป็นคู่แข่งกันโดยตรง และก็ไม่ได้ทำเล่นๆ ลงทุนหนักทั้งสองอย่าง
วิธีที่ดีสุดในการป้องกันตัวเอง ก็คืออะไรที่ดูเป็นภัยคุกคาม ไม่ใช่หนี แต่เปิดรับมัน ลงทุนกับมันเลย พร้อมกับยกตัวอย่างโกดัก ทั้งที่เป็นบริษัทแรกที่ทำกล้องดิจิตอลออกมา แต่กลัวว่ามันเป็นภัยคุกคามต่อธุรกิจฟิล์ม ก็เลยไม่เปิดรับ ปกป้องฟิล์มทุกอย่าง ท้ายสุดโกดักก็เลยหลุดจากอุตสาหกรรมกล้องดิจิตอล วิธีที่ดีก็คืออย่ากลัวเป็นภัยคุกคาม ให้เปิดรับ
CZ กลับมาพูดถึงเงินดอลลาร์ เขาบอกว่าดอลลาร์เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมของอเมริกาในการบริหารจัดการโลก และเผลอๆดีกว่ากำลังทางทหารเสียอีก แต่อย่างไรก็ตามบิทคอยน์ก็อาจจะเข้ามาดิสรัปเงินดอลลาร์ได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ลองคิดดู การเกิดอินเทอร์เน็ตขึ้นมา ตอนนี้บริษัทใหญ่ยักษ์ของโลก ก็อยู่ในอเมริกา เช่นกูเกิล อเมซอน ไมโครซอฟต์ ถ้าอเมริกาไม่ได้เปิดรับนวัตกรรม เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีบริษัทพวกนี้เกิดขึ้นมาบนแผ่นดินอเมริกา
ที่นี้มาถึงคริปโต ถ้าอเมริกาไม่เปิดใจรับ ชะตากรรมก็คงไม่ต่างอะไรกับโกดัก ดังนั้นนวัตกรรมอะไรที่เกิดขึ้นมาแล้ว ควรจะเปิดใจรับครับ
ผมว่า CZ ตอบประเด็นนี้ได้คม และยกตัวอย่างได้ดีครับ
และนี่คือเรื่องราวทั้งหมดของการสัมภาษณ์เจ้าของไบแนนซ์ กระดานเทรดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทิ้งอันดับสองหลายเท่า
แล้วคุณล่ะครับ คิดอย่างไรกับแนวคิดประเด็นเหล่านี้
การสัมภาษณ์นี้นอกจาก CZ จะได้ตอบได้ดีแล้ว ผมว่าพิธีกรก็ทำหน้าที่ได้ดี ถามช้าๆชัดๆคมๆเข้าประเด็นแบบทำการบ้านดีมาก ผมคิดว่ามันมีประโยชน์มากที่เราจะเอาเนื้อหานี้มาขบคิดต่อ และเป็นกรอบในการลงทุนในโลกคริปโตที่กำลังจะต้อนรับคนอีกนับพันล้านในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ใครที่ต้องการฟังเนื้อหาต้นฉบับ ผมจะทิ้งลิงค์ไว้ด้านล่างให้ไปดูนะครับ
และท้ายสุดนี้ ถ้าท่านเห็นว่าคลิปแบบนี้เป็นประโยชน์ ก็รบกวนกดไลท์ กดแชร์ กดติดตาม และคอมเมนท์เป็นกำลังใจสักนิด และใครอยากมาร่วมกลุ่มไลน์เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยน เรียนรู้โลกคริปโตไปด้วยกัน ให้คลิกลิงค์จอยมา ตามลิงค์ที่ให้ไว้ด้านล่างครับ
สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ
pongrapee@gmail.com
Twitter: @pongrapee