กว่าหนึ่งเดือน หลังจากจ้างอดีตนักวิจัย DeepMind สองสามคน มีรายงานว่า Twitter กำลังเดินหน้า โครงการปัญญาประดิษฐ์ภายในองค์กร จากข้อมูลของ Business Insider Elon Musk เพิ่งซื้อ GPU 10,000 ตัวเพื่อใช้ในดาต้าเซ็นเตอร์สองแห่งของบริษัท แหล่งข่าวบอกว่า การทุ่มซื้อ GPU มากมาย แสดงให้เห็นว่า Musk นั้น “มุ่งมั่น” ต่อเทคโนโลยี AI โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่า Twitter จะใช้จ่ายเงินจำนวนมากไปกับ GPU ระดับดาต้าเซ็นเตอร์ไปทำไม หากไม่ได้วางแผนที่จะใช้มันสำหรับงาน AI
More than a month after hiring a couple of former DeepMind researchers, Twitter is reportedly moving forward with an in-house artificial intelligence project. According to Business Insider, Elon Musk recently bought 10,000 GPUs for use at one of the company’s two remaining data centers. A source told the outlet the purchase shows Musk is “committed” to the effort, particularly given the fact there would be little reason for Twitter to spend so much money on datacenter-grade GPUs if it didn’t plan to use them for AI work.
Elon Musk ทุ่มซื้อ GPU หลายพันตัวสำหรับโครงการ AI ของ Twitter
Elon Musk เพิ่งจ้างอดีตนักวิจัย DeepMind สองคน แล้วทุ่มซื้อ GPU หลายพันตัว เพื่อใช้งานระดับดาต้าเซ็นเตอร์ เขาจะทำไปทำไม หากไม่ได้วางแผนที่จะใช้มันสำหรับงาน AI
มีรายงานว่าโครงการเกี่ยวข้องกับการสร้าง Generative AI ที่บริษัทจะฝึกฝนด้วยข้อมูลจำนวนมหาศาลของตนเอง ยังไม่ชัดเจนว่า Twitter จะใช้เทคโนโลยีนี้อย่างไร Insider แนะนำว่า Generative AI สามารถเพิ่มฟังก์ชันการค้นหาของแพลตฟอร์มหรือช่วยบริษัทในการสร้างธุรกิจโฆษณาขึ้นมาใหม่ได้ ไม่ว่าในกรณีใด รายงานดังกล่าวจะกล่าวถึงการตัดสินใจล่าสุดของ Musk ในการลงนามในจดหมายเปิดผนึกเพื่อเรียกร้องให้หยุดการพัฒนา AI ชั่วคราวเป็นเวลา 6 เดือน
Elon Musk วิจารณ์ OpenAI ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยด้านปัญญาประดิษฐ์ที่เขาร่วมก่อตั้งในปี 2558 “ฉันยังคงสับสนว่า องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ที่ผมบริจาคเงินให้ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ในตอนเริ่มต้น กลายเป็นบริษัทที่ทำกำไร จนมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดพุ่งไปถึง 3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ได้อย่างไร หากสิ่งนี้ถูกกฎหมาย ทำไมทุกคนไม่ทำ” Musk กล่าวใน Twitter ล่าสุดของเขาที่ต่อต้าน OpenAI Limited Partnership ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่แสวงหาผลกำไรของแล็บ
อย่างไรก็ตาม รายงานล่าสุดจาก Semafor ระบุว่าความบาดหมางของเขากับ OpenAI นั้นเป็นเรื่องส่วนตัวมากกว่า ในปี 2018 มีรายงานว่า Elon Musk บอกกับ Sam Altman หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งของเขาที่ OpenAI ว่าแล็บนั้นตามหลัง Google มากเกินไป จากนั้น Musk ก็เสนอว่าเขาควรจะเป็นคนบริหารบริษัท ซึ่งข้อเสนอของเขา ได้รับก่รปฏิเสธจาก Altman และผู้ก่อตั้ง OpenAI คนอื่นๆ
ข่าวซุบซิบหนาหูว่า เป็นเพราะการแย่งชิงอำนาจบริหาร OpenAI นำไปสู่การถอนตัวของ Musk แม้ว่าทั้งสองฝ่าย จะแถลงข่าวต่อสาธารณชน ว่า Musk ออกไป เพื่อทุ่มเทความสนใจให้แก่ Tesla ในเวลานั้น OpenAI กล่าวว่า มหาเศรษฐีจะให้ทุนสนับสนุนการวิจัยต่อไป อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของ Semafor การอุดหนุนเงินของ Musk หยุดลงหลังจากที่เขาจากไป แม้ว่าสัญญาจะจัดหาเงินให้บริษัทประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์ ก็ตาม การขาดแคลนเงินทุนอย่างกะทันหัน ทำให้ OpenAI ต้องดิ้นรนเพื่อหาเงิน ในปี 2019 องค์กรประกาศว่ากำลังสร้างบริษัทสาขาที่แสวงหาผลกำไร เพื่อแสวงหาเงินทุนอุดหนุนที่ต้องใช้ในการทำงาน โชคยังเข้าข้าง ในปีเดียวกันนั้น บริษัทได้ประกาศ การสนับสนุน มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ จาก Microsoft เมื่อ OpenAI เปิด ChatGPT สู่สาธารณะในเดือนพฤศจิกายน และ ChatGPT เริ่มอยู่บนข่าวพาดหัวของทุกสื่อในโลก มีรายงานข่าวว่า Musk “โกรธมาก” หนึ่งเดือนต่อมา เขาตัดการเข้าถึงข้อมูลของ OpenAI ไม่ให้ใช้ข้อมูลจาก Twitter อย่างสิ้นเชิง และตอนนี้ดูเหมือนว่าเขากำลังเเข้าสู่สนามรบ พร้อมแข่งขันกับองค์กรเก่าของเขาอย่าง OpenAI อย่างเต็มตัวแล้ว
