พงษ์ระพี เตชพาหพงษ์
ศิลปะเป็นส่วนสำคัญของการดำรงอยู่ของมนุษย์มาเป็นเวลาหลายพันปี โดยทำหน้าที่เป็นภาพสะท้อนของวัฒนธรรม ความเชื่อ และแรงบันดาลใจของเรา ตลอดประวัติศาสตร์ ศิลปะมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีใหม่และการเปลี่ยนผ่านทางสังคมเสมอ
เมื่อมองเส้นเวลาให้กระชับที่สุด ถ้าเราเริ่มต้นที่ภาพวาดในผนังถ้ำ ตัดฉับมาที่งานสร้างสรรค์ดิจิตอล พร้อมกับเครื่องมือวาดสุดพิสดารอย่าง iPad และเริ่มต้นเดินทางไปอีกก้าวกับงานสร้างสรรค์ด้วย AI เห็นได้ว่าศิลปะไม่ได้หยุดนิ่ง ทั้งวิธีคิด งานสร้างสรรค์ ผู้คน และเครื่องมือ
ศักยภาพของ AI Art ณ เวลานี้ มันช่วยให้คนทำงานสามารถสร้างสรรค์งานได้รวดเร็ว สวยงาม รวมถึงงานสร้างสรรค์ที่ไม่เคยมีมาก่อน และทำให้เส้นแบ่งระหว่างมืออาชีพเดิมกับมือสมัครเล่นค่อยๆจางลง มองในแง่ลบอาจจะเป็นภัยคุกคามสำหรับศิลปินเดิม มองในแง่บวกทำให้ศิลปินต้องอัปเกรดตัวเองไปอีกขั้น รวมถึงใช้ AI Art เป็นเครื่องมือช่วยลดเวลาการทำงานของตัวเองให้เบาขึ้น ในขณะที่งานยังเนี้ยบอยู่ รับงานได้มากขึ้น สุขภาพดีขึ้น
ผมเข้าใจว่าตอนนี้ยังมีประเด็นถกเถียงกันอีกเยอะระหว่างโลกเก่ากับโลกใหม่ ทำให้อดคิดไม่ได้ที่จะนึกถึง งานวาดภาพบุคคลในยุคโบราณ ที่ชาวบ้านแทบจะไม่มีโอกาสจะได้บันทึกหน้าค่าตาของคนในครอบครัวเลย ภาพบุคคลจะมีได้ก็เพียงคนส่วนน้อยที่มีเงินหรืออำนาจ แต่วันที่กล้องถ่ายภาพถูกประดิษฐ์ขึ้นมา โลกก็เปลี่ยนไปตลอดกาล มันรับใช้คนส่วนใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ กล้องมีราคาถูกลง ชาวบ้านสามารถมีภาพถ่ายของคนในครอบครัวได้โดยไม่ยากเย็นนัก
แน่นอนที่สุดการเกิดของเทคโนโลยีของการถ่ายภาพ ย่อมเป็นภัยคุกคามต่อการวาดภาพบุคคล แต่มันห้ามการมาของเทคโนโลยีไม่ได้ แต่จะมาถกเถียงกันนั้น ย่อมได้อยู่แล้ว แต่ท้ายสุด “เวลาก็จะเป็นผู้เฉลย”
ทุกวันนี้ทุกคนทราบดีว่า การถ่ายภาพถูกยอมรับเป็นศิลปะแขนงหนึ่ง และการวาดภาพก็ยังมีอยู่เช่นเดียวกัน ทุกคนมีที่ยืนมีตลาดของตัวเอง
และปี 2023 นี้โจทย์แบบเดียวกันกับการวาดภาพบุคคลกับกล้องถ่ายภาพก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ในชื่อว่า “AI Art”