George Soros เชื่อว่าเทคโนโลยี A.I. ก่อให้เกิดภัยอันร้ายแรงต่อระบอบประชาธิปไตย และมอบความสามารถในการสอดแนมใหม่ที่ทรงพลังให้กับผู้มีอำนาจ แต่ไม่เห็นหนทางจะหยุดยั้งปัญญาประดิษฐ์ได้
George Soros doubts artificial intelligence can be stopped. But he believes the technology poses a grave danger to democracies and gives authoritarians powerful new surveillance capabilities.
George Soros กล่าวว่า A.I. คุกคามระบอบประชาธิปไตยและช่วยเหลือเผด็จการ แต่เขามองไม่เห็นหนทางที่จะหยุดมัน
George Soros เชื่อว่าเทคโนโลยี A.I. ก่อให้เกิดภัยอันร้ายแรงต่อระบอบประชาธิปไตย และมอบความสามารถในการสอดแนมแบบใหม่ที่ทรงพลังให้กับผู้มีอำนาจ และยังไม่เห็นหนทางจะหยุดยั้งปัญญาประดิษฐ์ได้
AI. “เก่งเป็นพิเศษในการสร้างเครื่องมือควบคุม ที่ช่วยให้ผู้มีอำนาจในสังคมปิด (closed societies) ใช้สอดแนมคนที่พวกเขาต้องการได้” นักการเงินมหาเศรษฐี เขียนไว้ในบทความ Project Syndicate เมื่อเร็ว ๆ นี้
ชายวัย 92 ปี เขียนว่า โลกกำลังเผชิญกับ “วิกฤตการณ์หลายด้าน” จากสถานการณ์หลากหลาย แต่แหล่งที่มาหลักตามลำดับความสำคัญ ได้แก่ A.I. การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และการรุกรานยูเครนของรัสเซีย
ผู้บุกเบิกกองทุนป้องกันความเสี่ยง กล่าวว่า Geoffrey Hinton ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็น “เจ้าพ่อของ A.I. ” ได้ลาออกจาก Google เพื่อให้เขาสามารถพูดได้อย่างอิสระเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกิดจากเทคโนโลยี คำเตือนของ Hinton ว่า A.I. จะ “เหนือกว่าสติปัญญาของมนุษย์” ใน 5 ถึง 20 ปี และ “ตระหนักว่ามันจะบรรลุเป้าหมายได้ดีขึ้น หากมันมีพลังมากขึ้น” สร้างความประทับใจอย่างมากให้กับฉัน Soros เขียน
AI. ‘ภัยคุกคามร้ายแรง’
ในขณะที่ Soros เห็นด้วยกับผู้เชี่ยวชาญว่า A.I. ควรได้รับการควบคุม เขายังคิดว่ากฎระเบียบ “ต้องถูกบังคับใช้ให้ได้ทั่วโลก” เนื่องจากสามารถรล่อลวง เพื่อให้ได้ประโยชน์จากการรุกล้ำความเป็นส่วนตัว แต่เขาเสริมว่า “น่าเสียดายที่กฎระเบียบทั่วโลกไม่สามารถทำได้” เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างสังคมเปิด และสังคมปิด (ในอดีตเขากล่าวว่าบทบาทของรัฐคือการปกป้องเสรีภาพของปัจเจกบุคคล ในขณะที่บทบาทของปัจเจกชนคือรับใช้ผลประโยชน์ของผู้ปกครอง)
“ไม่มีใครคาดเดาได้ว่า [ปัญญาประดิษฐ์] จะพาเราไปที่ไหน” เขาเขียน “แต่เราแน่ใจได้อย่างหนึ่งว่า A.I. ช่วยสังคมปิด และเป็นภัยคุกคามต่อสังคมเปิด” ด้วยเหตุผลดังกล่าว เขาเสริมว่า สัญชาตญาณของเขา บอกให้ต่อต้าน A.I. แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าจะหยุดมันได้อย่างไร
เมื่อวานนี้ Open Society Foundations ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรชั้นนำที่ก่อตั้งโดย Soros กล่าวว่า จะลดพนักงานอย่างน้อย 40% ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เป็นที่รูกันว่า Soros เป็นฝันร้ายของฝ่ายขวาจัดหัวรุนแรง มาอย่างยาวนาน เขาได้บริจาคเงินกว่า 32,000 ล้านดอลลาร์ ให้กับองค์กร ซึ่งช่วยเหลือองค์กรเสรีนิยม ตั้งแต่โครงการริเริ่มด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไปจนถึงการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทางอาญา
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา George Soros ได้ยกการควบคุมองค์กรให้กับ Alex Soros ลูกชายวัย 37 ปี ของเขา ซึ่งบอกกับหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลว่า เขา “ชอบเรื่องการเมือง” มากกว่าพ่อของเขาเสียอีก และจะอัดฉีดเงินบริจาคให้ฝ่ายซ้าย “ตราบเท่าที่ อีกฝั่งยังเดินหน้าอยู่”
ผู้เฒ่าโซรอส คงไม่ได้อยู่จนเห็น A.I. ในอีกหลายสิบปีข้างหน้า แต่เขามีโอกาสที่จะได้เห็นการเลือกตั้งสหรัฐในปีหน้า ซึ่งเขาเชื่อว่า A.I. “จะมีบทบาทสำคัญอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งไม่น่าจะเป็นอะไรนอกจากอันตราย”
เขาเสริมว่า “A.I. เก่งมากในการสร้างข้อมูลเท็จและการปลอมแปลง จะมีผู้ประสงค์ร้ายมากมายใช้ประโยชน์จาก A.I. เราสามารถทำอะไรได้บ้าง? ฉันไม่มีคำตอบ แต่ฉันหวังว่าประเด็นนี้ จะได้รับความสนใจอย่างที่สมควรได้รับ”