Meta pushes to label all AI images on Instagram and Facebook in crackdown on deceptive content

Nick Clegg ผู้บริหารระดับโลกของ Meta กล่าวว่าผู้ใช้ต้องตระหนักถึง ความเหมาะสมในการใช้ AI ท่ามกลางเนื้อหาที่สร้างโดย AI ที่เพิ่มมากขึ้น

Global executive Nick Clegg says users ‘want to know where the boundary lies’ amid rise in AI-generated content

Meta ผลักดันให้ติดป้ายกำกับรูปภาพ AI ทั้งหมดบน Instagram และ Facebook เพื่อปราบปรามคอนเทนท์ที่หลอกลวง

Meta กำลังทำงานเพื่อตรวจจับและติดป้ายกำกับรูปภาพที่สร้างโดย AI บน Facebook, Instagram และ Threads ในขณะที่บริษัทพยายามเรียกร้องให้ผู้คนและองค์กรตระหนักถึงปัญหา ผลงานจาก AI ถูกนำไปใช้เพื่อหลอกลวงผู้คน

AI images รูปภาพเสมือนจริงที่สร้างขึ้นโดยใช้เครื่องมือสร้างภาพ AI ของ Meta ได้รับการระบุว่าถูกสร้างจาก AI แล้ว แต่ Nick Clegg ประธานฝ่ายกิจการระดับโลกของบริษัท ได้ประกาศในบล็อกโพสต์เมื่อวันอังคารว่า บริษัทจะพยายามเริ่มติดป้ายกำกับรูปภาพที่สร้างโดย AI ของบริษัทอื่นๆ ด้วย

Meta’s AI images รูปภาพ AI ของ Meta มี metadata และลายน้ำที่มองไม่เห็น (invisible watermarks) อยู่แล้ว ซึ่งสามารถบอกองค์กรอื่น ๆ ว่ารูปภาพนั้นได้รับการพัฒนาโดย AI และบริษัทกำลังพัฒนาเครื่องมือเพื่อติดป้ายกำกับ เมื่อรูปภาพถูกสร้างโดย AI ของบริษัทอื่น เช่น Google, OpenAI, Microsoft, Adobe, Midjourney และ Shutterstock

“เนื่องจากความแตกต่างระหว่างคอนเทนท์ที่สร้างโดยมนุษย์ และคอนเทนท์ที่สร้างโดย AI ไม่สามารถแยกแยะได้ชัดเจน ผู้คนต้องการทราบว่า จะแยกแยะได้อย่างไร” Clegg กล่าว

ผู้คนใช้ที่ได้พบการแปะป้ายกำกับคอนเทนท์ที่สร้างโดย AI เป็นครั้งแรก และผู้ใช้ของเราบอกเราว่าพวกเขาชื่นชมความโปร่งใสเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่นี้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราจะต้องช่วยให้ผู้คนรู้ว่าเมื่อใดที่เนื้อหาเสมือนจริงที่พวกเขาเห็นนั้นถูกสร้างขึ้นโดยใช้ AI

Clegg กล่าวว่าความสามารถดังกล่าวกำลังถูกสร้างขึ้น และจะมีการปรับใช้ป้ายกำกับในทุกโมเดล AI ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

“เรากำลังใช้แนวทางนี้ตลอดปีหน้า ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเลือกตั้งสำคัญๆ เกิดขึ้นทั่วโลก” Clegg กล่าว

Clegg ตั้งข้อสังเกตว่า การติดป้ายกำกับยังจำกัดอยู่เพียงรูปภาพ และเครื่องมือ AI ที่สร้างเสียงและวิดีโอ ยังไม่มีการติดป้ายกำกับ แต่บริษัทจะอนุญาตให้ผู้ใช้สามารถช่วยติดป้ายกำกับให้กับคอนเทนท์ที่สร้างโดย AI เมื่อคอนเทนท์ถูกโพสต์ลงออนไลน์

เขากล่าวว่าบริษัทจะติดป้ายกำกับที่โดดเด่นกว่านี้ให้กับรูปภาพ วิดีโอ หรือเสียงที่ “สร้างขึ้นหรือดัดแปลงแบบดิจิทัล” ที่ “สร้างความเสี่ยงสูงเป็นพิเศษในการหลอกลวงสาธารณชนในเรื่องที่มีความสำคัญ”

บริษัทยังมองหาการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อตรวจจับเนื้อหาที่สร้างโดย AI โดยอัตโนมัติ แม้ว่าเนื้อหานั้นจะไม่มีเครื่องหมายที่มองไม่เห็น หรือในกรณีที่เครื่องหมายเหล่านั้นถูกลบออกไปแล้วก็ตาม

“งานนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากมีแนวโน้มว่าจะกลายเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงมากขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า” Clegg กล่าว

“ผู้คนและองค์กรที่ต้องการหลอกลวงผู้คนด้วยคอนเทนท์ที่สร้างโดย AI จะหาวิธีหลีกเลี่ยงการตรวจจับเนื้อหาดังกล่าว ทั่วทั้งอุตสาหกรรมและสังคมของเรา โดยทั่วไปแล้ว เราจะต้องมองหาวิธีที่จะก้าวนำหน้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าวต่อไป”

AI Deepfake ได้ถูกใช้ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แล้ว โดยมี robocalls ที่เชื่อกันว่าเป็นการ Deepfake ที่ AI สร้างขึ้นจากเสียงของประธานาธิบดี Joe Biden แห่งสหรัฐฯ ที่ทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เข้าใจผิด รู้สึกเบื่อหน่าย ไม่อยากร่วมการเลือกตั้งขั้นต้นของพรรคเดโมแครตในรัฐนิวแฮมป์เชียร์

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Nine News ในออสเตรเลียยังถูกวิพากษ์วิจารณ์จากการดัดแปลงภาพ Georgie Purcell ส.ส. จากพรรค Victorian Animal Justice party โดยอัปไซส์หน้าอกและเปลี่ยนให้เสื้อผ้า จอร์จี้ เพอร์เซลล์ ในภาพที่ออกอากาศในข่าวภาคค่ำให้มีความวาบหวิวยิ่งขึ้น สื่อท้องถิ่นโทษว่า ผลิตภัณฑ์ Photoshop ของ Adobe มี AI image tools ตกแต่งภาพไปเองโดยอัตโนมัติ

view original *