3Q Model โมเดลในการถอดรหัสมูลค่าของสินทรัพย์

3Q model นี้เป็นกรอบในการอธิบายพื้นฐานของสินทรัพย์ว่า สินทรัพย์นั้นมันก่อเกิดมูลค่าขึ้นมาได้อย่างไร เพื่อให้นักลงทุนทำความเข้าใจปัจจัยหลักที่มากระทบมูลค่าได้อย่างเป็นระบบ และง่ายในการทำความเข้าใจ

การประเมินมูลค่าสินทรัพย์นับว่าเป็นหัวใจอย่างหนึ่งของนักลงทุนสายพื้นฐาน ในโลกของ TradFi เรามีโมเดลมากมายในการประเมิน ไม่ว่าจะเป็น DCF, P/E, DDM ฯลฯ แต่ในโลกของคริปโตแล้ว โมเดลที่ว่ามาไม่สามารถเอามาใช้กับคริปโตได้ ทำให้นักลงทุนในโลก TradFi จำนวนไม่น้อยมองว่า เหรียญคริปโตไม่มีพื้นฐาน และไม่สามารถหามูลค่าได้ ซึ่งก็นับว่าเป็นปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งที่นักลงทุนที่จะก้าวเข้ามาโลกคริปโตอย่างจริงจัง

ในช่วงที่ผ่านมา มีผู้เสนอโมเดลในการประเมินมูลคริปโตอยู่โมเดลหนึ่งที่เน้นไปที่บิทคอยน์ เรียกว่า Stock2Flow Model (S2F) และต่อมาได้ขยายมาเป็น Stock2Flow Cross Asset Model (S2FX) โดยรวมเอาทองและเงินเข้าไปอยู่ในโมเดลด้วย  โมเดลที่ว่านี้มีความท้าทายไปถึงการพยากรณ์ราคาของบิทคอยน์ที่ควรจะเป็นในแต่ละช่วงเวลาเข้าไปด้วย แต่ข้อจำกัดของโมเดลที่ว่านี้ก็คือ เน้นใช้เฉพาะเจาะจงที่บิทคอยน์เพียงอย่างเดียว ไม่มีเหรียญคริปโตอื่น

ตอนนี้ตลาดคริปโตกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด มีนักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาในตลาดอย่างมากมาย มีเหรียญคริปโตเป็นหมื่นเหรียญที่รอให้ซื้อให้เทรด แต่ตอนนี้เรายังไม่กรอบในการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ประเภทเหรียญที่เข้าใจง่าย และเป็นระบบให้นักลงทุนได้ใช้วิเคราะห์เลย

ผมเองมองเห็นปัญหาดังกล่าว ก็เลยนำเสนอโมเดลในการถอดรหัสมูลค่าของสินทรัพย์ ที่เข้าใจง่ายขึ้นมาหนึ่งตัว โดยเรียกว่า Three Quarters Model หรือเรียกสั้นๆว่า 3Q

3Q model นี้เป็นกรอบในการอธิบายพื้นฐานของสินทรัพย์ว่า สินทรัพย์นั้นมันก่อเกิดมูลค่าขึ้นมาได้อย่างไร เพื่อให้นักลงทุนทำความเข้าใจปัจจัยหลักที่มากระทบมูลค่าได้อย่างเป็นระบบ และง่ายในการทำความเข้าใจ

โมเดลนี้จะมองว่าปัจจัยหลักที่มีผลต่อการสร้างมูลค่าของสินทรัพย์มีเพียง 4 ตัวเท่านั้น โดยเอาปัจจัยเหล่านี้มาเรียงกันในรูปแบบของตารางสี่ช่อง ซึ่งมีดังนี้ครับ

Demand

ปัจจัยนี้จะหมายถึง “คนส่วนใหญ่แต่มีอำนาจน้อย” เป็นกลุ่มคนที่ต้องการสินทรัพย์ ทั้งใช้ ทั้งลงทุน ทั้งเก็บ

Market Maker

คือ “คนส่วนน้อยแต่มีอำนาจใหญ่” อำนาจที่มีจะเน้นไปทางด้านทุน ซึ่งเป็นคู่ตรงกันข้ามกับ Demand คนกลุ่มนี้จะพยายามเข้ามาดันมูลค่าของสินทรัพย์ให้สูงขึ้น หรือกดให้ต่ำลงก็ได้ เรียกว่าเป็นคนที่กำหนดทิศทางของราคาสินทรัพย์

Scarcity

ปัจจัยจะพูดถึงสินทรัพย์ ในแง่ปริมาณ การผลิต และนโยบาย โดยจะเน้นในเรื่องความหายากของสินทรัพย์  เรียกว่าเป็นคู่สมดุลกับดีมานด์ และเป็นคู่เกี่ยวเนื่องกับ Trust

Trust

ปัจจัยนี้จะเน้นที่ตัวสินทรัพย์ ซึ่งจะหมายถึง คุณสมบัติ ประโยชน์ใช้สอย และความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์

เห็นภาพไหมครับ ตารางสี่ช่องนี้ เมื่อดูดีๆสองช่อง (Demand , Market Maker) เป็นเรื่องของคน ส่วนอีกสองช่อง (Scarcity, Trust) เป็นเรื่องของสินทรัพย์ ดังนั้นมูลค่ามันเกี่ยวข้องแค่ “คน” กับ “สินทรัพย์” เท่านั้น

สำหรับวิธีการใช้ก็คือ

ให้เรา ดูแต่ละปัจจัย และลองเอาข้อมูล ข้อเท็จจริง ตัวเลขสถิติมาวาง แล้วทบด้วยความคิดเห็นของเรา จากนั้นลองไล่ความเชื่อมโยงดู ว่าน้ำหนักมันอยู่ที่ส่วนไหน

หลักของโมเดลนี้ก็คือ แค่สินทรัพย์ตัวนั้น มีปัจจัยที่มีน้ำหนักเพียงสามในสี่เท่านั้น ก็สามารถที่จะสร้างมูลค่าให้กับสินทรัพย์ได้แล้ว และถ้าได้สี่ช่องเต็ม ก็ยิ่งดี แต่ถ้าเหลือเพียงสองหรือหนึ่งช่อง ก็จะถือว่าสินทรัพย์นั้นจะมีมูลค่าที่ต่ำ และนี่คือเหตุผลที่เรียกโมเดลนี้ว่า Three quaters model แค่สามส่วนสี่ก็เพียงพอ

หลังจากวิเคราะห์แล้ว ให้ลองใส่คะแนนในแต่ละช่อง โดยแต่ละช่องมีคะแนนเต็มสิบ รวมสี่ช่องเป็นสี่สิบคะแนน ซึ่งการให้คะแนนนี้ ถือว่าเป็นดุลยพินิจของแต่ละคนในการวิเคราะห์ อาจจะเหมือนกันหรือแตกต่างกันได้ คะแนนออกมาแต่ละช่องแล้วเอามารวมกัน เราจะเรียกว่า Q Score ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใช้ประเมินมูลค่าของสินทรัพย์ในเบื้องต้น

ท้ายสุดนี้

มูลค่าที่เราคิดออกมาได้ กับราคาที่มันเป็นในตลาด อาจจะสอดคล้องกัน หรือไม่สมเหตุสมผลก็เป็นไปได้ ดังนั้น งานที่เหลือก็คือ เราต้องคิดต่อว่า ควรจะลงทุนในสินทรัพย์นั้นไหม ความเสี่ยงอยู่ตรงไหน  ราคาที่เป็นมันควรจะเป็น และน่าสนใจเพียงพอในการเข้ามั้ย

นี่คือจุดมุ่งหมายของการใช้โมเดลนี้ครับ

ตัวอย่าง
การถอดรหัสมูลค่าเงินดอลลาร์ https://youtu.be/p8C-AUPBN4k
การถอดรหัสมูลค่า Dogecoin https://youtu.be/Z02kFfz1FZ4

พงษ์ระพี เตชพาหพงษ์
pongrapee@gmail.com
twitter: @pongrapee