ด้วยความเป็นซุปเปอร์อินฟูเอ็นเซอร์ระดับตำนานของบิลเกตส์ ไม่ว่าจะช่วงเวลาไหนก็ตาม ก็จะมีนักข่าว นักจัดรายการเข้าไปสัมภาษณ์ตลอด และแกก็จะให้ความคิดเห็นรัวๆเช่นเดียวกัน อย่างช่วงนี้แกจะพูดถึง AI ทุกเม็ดและที่ขาดไม่ได้ก็คือ “การพูดถึงสภาพการหลอมรวมระหว่าง AI กับ Education”
ในเรื่องนี้มันมีดราม่าแยกออกมาเป็นกลุ่มใหญ่ดังนี้ คือ
หนึ่ง..โรงเรียนมหาวิทยาลัยสถานศึกษากังวลว่าเอไอจะทำให้นักเรียนมักง่ายไม่คิดไม่ทำความเข้าใจเนื้อหา และพยายามจบงานด้วเอไอทั้งหมด อีกทั้งครูมีความไม่พร้อมตามหลังเรื่องเทค ตามนักเรียนไม่ทัน
สอง..รัฐหรือองค์กรต่างๆมีความกังวลเรื่องไบแอสของข้อมูล หรือข้อมูลเท็จในสายตารัฐ จะทำให้เด็กมีชุดความคิดความเชื่ออีกแบบ นอกเหนือจากทิศทางของรัฐที่อยากให้เป็น
สาม..เอไอเป็นเครื่องมือมหัศจรรย์ในรอบพันปี ที่ช่วยให้เด็กสามารถเข้าถึงความรู้ได้ทั่วโลก และเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ที่รอคอยมาแสนนาน
สำหรับบิลเกตส์แล้ว เขาอยู่ในกลุ่มสาม และพยายามชี้ให้เห็นว่าถึงที่สุดแล้ว มันจะเกิดสิ่งที่เรียกว่า “AI Personal Agent” ที่จะมาช่วยคนทุกคนทำงานร้อยแปดโดยเฉพาะงานรูทีนต่างๆ
บิลเกตส์บอกว่าปัญหาเรื่องการศึกษาโดยส่วนใหญ่แล้ว มันคือเรื่องของการสร้างแรงจูงใจให้เด็กรักเรื่องนั้นๆ เพราะถ้ามีทุกอย่างมันจะง่าย แต่ระบบการศึกษาปัจจุบันมันไม่ตอบโจทย์ ซ้ำร้ายอาจจะทำให้เด็กเกลียดวิชานั้นไปเลย ยกตัวอย่างเช่นวิชาคณิตศาสตร์
เราฝันถึง Personalized Learning มานาน เราพูดถึงระบบแบบ one on one tutoring แต่มันยังเกิดในระดับแมสไม่ได้ เพราะต้นทุนมันแพง คนทำแบบนี้ได้มีแค่หยิบมือ แต่ตอนนี้สิ่งนั้นมันเริ่มชัดขึ้น เอไอจะเข้าไปช่วยเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไป ทุกคนจะมี AI ส่วนตัว ช่วยติว ช่วยสอน ชวนคุยตอบคำถาม ปรับแต่งเนื้อหาให้เข้ากับผู้ใช้ได้อย่างเหลือเชื่อ พอเกตส์พูดแบบนี้ทำให้ผมนึกถึงมังงะระดับตำนานเรื่องนึงทันที นั่นก็คือ Jojo ที่ตัวละครหลักมีความสามารถที่เรียกว่า “สแตนด์” ซึ่งสแตนด์นี้ก็มีพลังความสามารถพิเศษพิสดารคอยช่วยเหลือ “ร่างต้น” ในการต่อสู้หรืออื่นๆ ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งนี้กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ ซึ่งนับว่าเป็นอนาคตที่น่าตื่นเต้นที่จะได้เห็น
นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่เกตส์พูดทิ้งท้ายด้วยคำนึงน่าสนใจมาก นั่นก็คือ “infinitely patient online tutoring” ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ